ตาก- “แม่สอด” พร้อมยกฐานะเป็นท้องถิ่นพิเศษ ส.ท.ท.ชงรัฐบาลเสนอตั้งเขตปกครองท้องถิ่นพิเศษและมหานคร “ถวิล ไพรสณฑ์” นำทัพ ชี้ประชาชนท้องถิ่นได้ประโยชน์ เพราะบริหารจัดการด้วยตนเองได้คล่องตัว
นายถวิล ไพรสณฑ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังร่วมประชุมกับนายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด ในฐานะคณะกรรมการกระจายอำนาจ ส.ท.ท. พร้อมด้วยนายกเทศมนตรี ซึ่งเป็นคณะกรรมการจากสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) กว่า 20 คน ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ว่า
ในวันนี้ (10 มี.ค.) ได้มีการประชุมหารือเพื่อกำหนดกรอบของการพัฒนาศักยภาพของการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีนายกเทศมนตรีจากเมืองสำคัญๆจากหลายท้องถิ่น เข้าร่วมประชุมหารือ เช่น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น นครราชสีมา นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด เชียงราย แหลมฉบัง เกาะสมุย เบตง ฯลฯ
ตนในฐานะที่มีความชำนาญด้านการปกครองท้องถิ่น รับที่จะเสนอกฎหมาย 2 รูปแบบ ต่อรัฐบาลคือ 1.การผลักดันเขตปกครองท้องถิ่นพิเศษ และ 2.การผลักดันมหานคร ซึ่งทั้ง 2 ข้อนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ อยู่แล้ว
การส่งเสริมท้องถิ่นพิเศษก็จะแยกเป็นท้องถิ่นที่มีลักษณะพิเศษและหลักเกณฑ์ ใน 3 ลักษณะ คือ 1.เมืองที่อยู่ชายแดนและเป็นเมืองส่งออก-นำเข้าสินค้าที่สำคัญ เช่นเมืองแม่สอด ที่มีการค้าชายแดนไทย-พม่า มากกว่าปีละ 30,000 ล้านบาท 2.เมืองท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุยและหัวหิน 3.เมืองที่เป็นท่าเรือและท่าอุตสาหกรรม เช่นแหลมฉบังและมาตาพุด ฯลฯ เป็นต้น
ส่วนอีกแนวทางหนึ่งคือ ส่งเสริมท้องถิ่นที่จะเป็นท้องถิ่นขนาดใหญ่ พร้อมจะเป็น “มหานคร” เช่น เชียงใหม่-หาดใหญ่-ขอนแก่น-นครราชสีมา ฯลฯ โดยการยกฐานะท้องถิ่นพิเศษและมหานคร ประชาชนในท้องถิ่นจะได้รับประโยชน์ เพราะผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการแบบคล่องตัวมากขึ้น
“แนวทางในการยกฐานะเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ และ มหานคร นั้นจะต้องให้แต่ละท้องถิ่นทำประชาพิจารณ์ และร่างกฎหมาย โดยผมจะเป็นผู้คอยดูแลและนำเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้มีท้องถิ่นที่ผ่านการทำประชาพิจารณ์แล้ว 2-3 แห่ง เช่นเทศบาลเมืองแม่สอด-เทศบาลเมืองแหลมฉบัง จึงขอให้จัดทำร่างกฎหมายมาให้เพื่อศึกษาและดูรายละเอียด ก่อนแก้ไขหรือเพิ่มเติม นำเสนอเข้าสู่กระบวนการของรัฐบาลต่อไป”
ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ท้องถิ่นพิเศษจะมีอำนาจเพิ่มเติมในการจัดเก็บภาษีรายได้ เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงเมืองและพื้นที่ เช่นชายแดนเมืองแม่สอด จัดเก็บภาษีรายได้สินค้าส่งออก-นำเข้า และนำรายได้ไปพัฒนาเส้นทาง-ระบบขนส่ง-หรือระบบโลจิสติกส์ ฯลฯ ในการรองรับการค้าชายแดน เมืองท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย-หัวหิน ก็นำภาษีรายได้ไปพัฒนาและเพิ่มศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ เป็นต้น
จากการที่ได้มีการประชุมหารือในวันนี้ จะนำไปสู่การยกฐานะท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ 7-8 แห่ง นำร่องคือเมืองแม่สอด-เกาะสมุย-มาตาพุด-แหลมฉบัง-เบตง-เชียงราย-สุไหงโกลก-หัวหิน และมุกดาหาร ส่วนมหานคร คือเชียงใหม่-หาดใหญ่-นครราชสีมา-ขอนแก่น-นนทบุรี-สมุทรปราการ โดยผู้บริหารท้องถิ่นพิเศษหรือมหานครจะมาจากการเลือกตั้ง มีทีมงานบริหารและสมาชิกสภาเมืองและมหานคร เป็นต้น
นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน ในฐานะ นายก ส.ท.ท. กล่าวว่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร(นายถวิล ไพรสณฑ์) ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นแกนนำในการผลักดันและพัฒนาระบบของท้องถิ่นที่มีความพร้อมจะยกฐานะ ตามศักยภาพของเมืองและพื้นที่ โดยตนเองจะได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารเทศบาลและ อปท.ต่างๆ เพื่อให้แสดงความคิดเห็น และหากท้องถิ่นใดมีความพร้อมและเข้าหลักเกณฑ์ก็สามารถเสนอต่อ ส.ท.ท.ได้
นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองแม่สอด คณะกรรมการกระจายอำนาจ ส.ท.ท. กล่าวว่า เมืองแม่สอดมีความพร้อมกับการยกฐานะเป็นท้องถิ่นพิเศษ ที่อยู่ในลักษณะเมืองการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยได้มีการทำประชาพิจารณ์ประชาชนไปแล้ว 3 พื้นที่ คือเขตเทศบาลเมืองแม่สอด-เทศบาลตำบลท่าสายลวดและองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะ ซึ่งประชาชนเห็นด้วยการการร่วมยกฐานะเป็นท้องถิ่นพิเศษ
นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยที่หาดใหญ่ จะเป็นท้องถิ่นพิเศษ ส่วนเป็นในรูปแบบของ “มหานคร” หรือเขตปกครองท้องถิ่นพิเศษ คงต้องจัดทำโครงการศึกษา-สำรวจทางวิชาการก่อน และทำประชาพิจารณ์ เพราะการเป็นท้องถิ่นพิเศษจะมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ท้องถิ่นได้มากขึ้น
