นายสาธิต รังคสิริ โฆษกกรมสรรพากร ยืนยัน แนวทางการจัดเก็บภาษีในปีนี้ จะเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ แม้จะพบสัญญาณการถดถอยตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มรายเดือน ภาษีการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อการผลิตสินค้าส่งออก ที่ปรับลดลง ทั้งนี้คาดการณ์ว่า การจัดเก็บรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีนี้จะลดลงกว่า 1 แสนล้านบาท และอาจจะมีประชาชนบางส่วนหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ทั้งที่รายได้ที่นำมาเสียภาษีในปีนี้เกิดขึ้นในปีที่แล้ว
ส่วนตัวเลขการจัดเก็บภาษีในปีหน้า นายสาธิต ระบุว่า กรมสรรพากรต้องมีการประเมินร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เนื่องจากรายได้ที่จะนำไปเสียภาษีในปีหน้า อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปีนี้ ทั้งนี้แนะนำว่า ไม่ควรยื่นคำร้องในวันสุดท้ายของการเปิดให้บริการ ในวันที่ 31 มีนาคม เพราะอาจเกิดกรณีฉุกเฉินไม่สามารถยื่นคำร้อง ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียค่าปรับได้
นอกจากนี้ โฆษกกรมสรรพากร ยืนยันว่า สรรพากรไม่มีนโยบายคืนภาษีด้วยการโอนเงินผ่านบัญชี และขอข้อมูลผู้เสียภาษีทางโทรศัพท์ โดยจะจ่ายในรูปแบบเช็กเงินสดเท่านั้น หากผู้ใดพบกรณีดังกล่าว สามารถแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ขณะที่ปัจจุบัน ประชาชนนิยมยื่นแบบคำร้องการเสียภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ต มากขึ้นกว่าร้อยละ 30
ส่วนตัวเลขการจัดเก็บภาษีในปีหน้า นายสาธิต ระบุว่า กรมสรรพากรต้องมีการประเมินร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เนื่องจากรายได้ที่จะนำไปเสียภาษีในปีหน้า อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปีนี้ ทั้งนี้แนะนำว่า ไม่ควรยื่นคำร้องในวันสุดท้ายของการเปิดให้บริการ ในวันที่ 31 มีนาคม เพราะอาจเกิดกรณีฉุกเฉินไม่สามารถยื่นคำร้อง ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียค่าปรับได้
นอกจากนี้ โฆษกกรมสรรพากร ยืนยันว่า สรรพากรไม่มีนโยบายคืนภาษีด้วยการโอนเงินผ่านบัญชี และขอข้อมูลผู้เสียภาษีทางโทรศัพท์ โดยจะจ่ายในรูปแบบเช็กเงินสดเท่านั้น หากผู้ใดพบกรณีดังกล่าว สามารถแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ขณะที่ปัจจุบัน ประชาชนนิยมยื่นแบบคำร้องการเสียภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ต มากขึ้นกว่าร้อยละ 30