นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการหารือกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการภาษีมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือนมกราคมนี้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มาตรการดังกล่าวมีส่วนทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปี 2552 หายไปประมาณ 120,000 -130,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณร้อยละ 10 เนื่องจากกรมสรรพากร และกรมศุลกากร จะจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย รวมทั้งรายได้นำส่งรัฐของรัฐวิสาหกิจที่มีแนวโน้มลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจะจัดทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติม 100,000 ล้านบาท จะทำให้ในปีนี้รัฐบาลขาดดุลรวมกว่า 480,000 ล้านบาท ซึ่งฐานะการคลังที่ขาดดุลเพิ่มขึ้น อาจทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2553 มีข้อจำกัดมากขึ้น แต่เชื่อว่ายังอยู่ในกรอบที่รัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า มาตรการด้านการคลังที่รัฐบาลนำมาใช้ อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องการให้สถาบันการเงินเข้ามาช่วยดูแลภาคแรงงานด้วย โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มาตรการดังกล่าวมีส่วนทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปี 2552 หายไปประมาณ 120,000 -130,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณร้อยละ 10 เนื่องจากกรมสรรพากร และกรมศุลกากร จะจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย รวมทั้งรายได้นำส่งรัฐของรัฐวิสาหกิจที่มีแนวโน้มลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจะจัดทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติม 100,000 ล้านบาท จะทำให้ในปีนี้รัฐบาลขาดดุลรวมกว่า 480,000 ล้านบาท ซึ่งฐานะการคลังที่ขาดดุลเพิ่มขึ้น อาจทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2553 มีข้อจำกัดมากขึ้น แต่เชื่อว่ายังอยู่ในกรอบที่รัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า มาตรการด้านการคลังที่รัฐบาลนำมาใช้ อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องการให้สถาบันการเงินเข้ามาช่วยดูแลภาคแรงงานด้วย โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ