กาฬสินธุ์ - เครือข่ายตัวแทนภาคประชาชนเมืองน้ำดำ ขีดเส้นตาย11 มี.ค.หาก กกต.กาฬสินธุ์ รวมไปถึง กกต.กลาง ไม่ดำเนินการใดๆ ต่อนายก อบจ. เท่ากับฟอกผิดให้นางชะม้อยนั่งเก้าอี้ ลั่นองค์กรภาคประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์จะแจ้งเอาผิดกับ กกต.จังหวัด และ กกต.กลาง ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทันที
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่สำนักงานสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ เลขที่ 106 หมู่ที่ 8 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จ.ส.ต.เกษตรกรณ์ โสมี ประธานสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนทั้ง 18 อำเภอ ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนในการตรวจสอบคดีทุจริตเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณี นางชะม้อย วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 11 มีนาคม 2552 หาก กกต.กาฬสินธุ์ รวมไปถึง กกต.กลาง ไม่ดำเนินการใดๆ ต่อนางชะม้อยก็จะทำให้ได้รับเลือกตั้งอย่างไม่มีข้อแม้ ซึ่งองค์กรภาคประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ยืนยันว่า หากเกิดขึ้นจริงจะดำเนินการแจ้งความ กับ กกต.จังหวัดและ กกต.กลาง ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทันที
จ.ส.ต.เกษตรกร โสมี ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากได้ยืนหนังสือให้ นายปราโมทย์ โชติมงคล ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ในที่ประชุมสัมมนาเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) ก็ยังไม่ทำให้พี่น้องประชาชนที่ร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านผลการเลือกตั้งเกิดความสบายใจ เพราะที่ผ่านมา กกต.กาฬสินธุ์และ กกต.กลาง ไม่เคยคิดที่จะดำเนินการเอาผิดหรือมีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมาบรรดาแกนนำในแต่ละอำเภอหลายคนก็ถูกโทรศัพท์คุกคาม ขู่เอาชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจคงจะเป็นเพราะ นักการเมืองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีเงินและมีเครือข่ายโยงใยไปทุกระดับ
“ในวันพรุ่งนี้ สำหรับในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่ายภาคประชาชนจะทำหนังสือร้องทุกข์ขึ้นอีก 1 ฉบับ เพื่อดำเนินการระงับยับยั้งผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ให้ถึงที่สุด เพราะประชาชนทั่วไปรู้ว่า มีการซื้อเสียงถึงหัวละ 200 บาท แต่กลับไม่ถูกลงโทษ แต่ในเชิงกฏหมายเลือกตั้ง กลับเปิดช่องทางให้โดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการรับรองไปก่อน 30 วัน แล้วจะสอยที่หลังภายในระยะเวลา 1 ปี”
จ.ส.ต.เกษตรกร กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตซื้อเสียง จากบันทึกของเครือข่ายที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานนั้น เรื่องนี้เริ่มมีการร้องทุกข์กันตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2551 ก่อนวันเลือกตั้ง 5 วัน โดย นายหนูนา กาญวิจิตร และพวกจากหมู่บ้านคุย ต.สามขา อ.กุฉินารายณ์ ได้นำเงินซื้อเสียงของนางชะม้อย เบอร์ 2 ซึ่งได้รับจากนายเพ็ญจันทร์ พรมพยัคฆ์ และพวก แจ้งต่อผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 18 ซึ่งผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้แจ้งมายังเครือข่ายภาคประชาชน ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2551 นายหนูนา ได้นำหลักฐาน แจ้งความต่อ ร.ต.ท.ประยุทธ ศรีมันตา พนักงานสองสอบ สภ.กุฉินารายณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 นางชะม้อย วรามิตร เดินทางไปเจราจรต่อรองให้ นายหนูนา ถอนแจ้งความ ที่วัดใต้และวันนาโก อ.กุฉินารายณ์
นายหนูนายังได้ไปแจ้งความเพิ่มเติมไว้ด้วย ในเวลาเดียวกัน จนท.กกต.(นายประเน็ด, นายส่ง, นายศักดิ์ชัย) ได้ไปรอพบเพื่อสอบนายหนูนาที่บ้าน ซึ่งระหว่างนั้นยังได้รับฟังการสนทนาระหว่าง นายหนูนากับนางชะม้อย ผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งนายหนูนา ยังได้ทำการบันทึกและได้ส่งคำร้องคัดค้านเพิ่มเติมไปยัง กกต.กลางด้วย และหลังจากการเลือกตั้ง วันที่ 20 มกราคม2551 ยังคงมีประชาชนที่ได้รับเงินซื้อเสียงจำนวนมาก ส่งหลักฐานการซื้อเสียงกรณี นางชะม้อยฯ ไปให้กกต.และมีการประท้วงการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ กกต.จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2551
จนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 กกต.กลางได้รับรองให้นางชะม้อย วรามิตร เบอร์ 2 ให้เป็นนายก.อบจ.กาฬสินธุ์ โดยได้ส่งโทรสารให้ กกต.กาฬสินธุ์ ทราบในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 ลงนามโดย นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ที่อ้างว่าจะต้องรับรองไปก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายด้านงประมาณเพราะ อบจ.ต้องดูแลคนทั้งจังหวัด แต่หากพบว่ามีการทุจริตจึงจะสอยทีหลัง
จ.ส.ต.เกษตรกร กล่าวต่อว่า คำว่า สอยทีหลังนั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด เพราะเชื่อว่า องค์กรอสิระ โดยเฉพาะ กกต.กาฬสินธุ์ และ กกต.กลาง ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ทั้งที่มีการส่งหลักฐานก่อนการเลือกตั้ง มีการแจ้งความ และมีการบันทึกหลักฐานการจ่ายเงินอย่างชัดเจนในทุกขั้นตอน แต่เสมือนเป็นการปล่อยให้คนที่พี่น้องประชาชนติดใจในความโปร่งใสการเลือกตั้งไปเป็นผู้นำ
ในเรื่องนี้ องค์กรภาคประชาชนขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ด้วย เพราะหากปล่อยให้นักการเมืองที่ซื้อเสียงเข้าไปเป็นผู้นำ ก็จะเข้าไปโกงงบประมาณแผ่นดินที่จะทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์เสียหายมากกว่าเดิมด้วย
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่สำนักงานสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ เลขที่ 106 หมู่ที่ 8 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จ.ส.ต.เกษตรกรณ์ โสมี ประธานสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนทั้ง 18 อำเภอ ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนในการตรวจสอบคดีทุจริตเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณี นางชะม้อย วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 11 มีนาคม 2552 หาก กกต.กาฬสินธุ์ รวมไปถึง กกต.กลาง ไม่ดำเนินการใดๆ ต่อนางชะม้อยก็จะทำให้ได้รับเลือกตั้งอย่างไม่มีข้อแม้ ซึ่งองค์กรภาคประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ยืนยันว่า หากเกิดขึ้นจริงจะดำเนินการแจ้งความ กับ กกต.จังหวัดและ กกต.กลาง ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทันที
จ.ส.ต.เกษตรกร โสมี ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากได้ยืนหนังสือให้ นายปราโมทย์ โชติมงคล ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ในที่ประชุมสัมมนาเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) ก็ยังไม่ทำให้พี่น้องประชาชนที่ร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านผลการเลือกตั้งเกิดความสบายใจ เพราะที่ผ่านมา กกต.กาฬสินธุ์และ กกต.กลาง ไม่เคยคิดที่จะดำเนินการเอาผิดหรือมีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง
ที่ผ่านมาบรรดาแกนนำในแต่ละอำเภอหลายคนก็ถูกโทรศัพท์คุกคาม ขู่เอาชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจคงจะเป็นเพราะ นักการเมืองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีเงินและมีเครือข่ายโยงใยไปทุกระดับ
“ในวันพรุ่งนี้ สำหรับในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่ายภาคประชาชนจะทำหนังสือร้องทุกข์ขึ้นอีก 1 ฉบับ เพื่อดำเนินการระงับยับยั้งผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ให้ถึงที่สุด เพราะประชาชนทั่วไปรู้ว่า มีการซื้อเสียงถึงหัวละ 200 บาท แต่กลับไม่ถูกลงโทษ แต่ในเชิงกฏหมายเลือกตั้ง กลับเปิดช่องทางให้โดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการรับรองไปก่อน 30 วัน แล้วจะสอยที่หลังภายในระยะเวลา 1 ปี”
จ.ส.ต.เกษตรกร กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตซื้อเสียง จากบันทึกของเครือข่ายที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานนั้น เรื่องนี้เริ่มมีการร้องทุกข์กันตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2551 ก่อนวันเลือกตั้ง 5 วัน โดย นายหนูนา กาญวิจิตร และพวกจากหมู่บ้านคุย ต.สามขา อ.กุฉินารายณ์ ได้นำเงินซื้อเสียงของนางชะม้อย เบอร์ 2 ซึ่งได้รับจากนายเพ็ญจันทร์ พรมพยัคฆ์ และพวก แจ้งต่อผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 18 ซึ่งผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้แจ้งมายังเครือข่ายภาคประชาชน ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2551 นายหนูนา ได้นำหลักฐาน แจ้งความต่อ ร.ต.ท.ประยุทธ ศรีมันตา พนักงานสองสอบ สภ.กุฉินารายณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 นางชะม้อย วรามิตร เดินทางไปเจราจรต่อรองให้ นายหนูนา ถอนแจ้งความ ที่วัดใต้และวันนาโก อ.กุฉินารายณ์
นายหนูนายังได้ไปแจ้งความเพิ่มเติมไว้ด้วย ในเวลาเดียวกัน จนท.กกต.(นายประเน็ด, นายส่ง, นายศักดิ์ชัย) ได้ไปรอพบเพื่อสอบนายหนูนาที่บ้าน ซึ่งระหว่างนั้นยังได้รับฟังการสนทนาระหว่าง นายหนูนากับนางชะม้อย ผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งนายหนูนา ยังได้ทำการบันทึกและได้ส่งคำร้องคัดค้านเพิ่มเติมไปยัง กกต.กลางด้วย และหลังจากการเลือกตั้ง วันที่ 20 มกราคม2551 ยังคงมีประชาชนที่ได้รับเงินซื้อเสียงจำนวนมาก ส่งหลักฐานการซื้อเสียงกรณี นางชะม้อยฯ ไปให้กกต.และมีการประท้วงการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ กกต.จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2551
จนเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 กกต.กลางได้รับรองให้นางชะม้อย วรามิตร เบอร์ 2 ให้เป็นนายก.อบจ.กาฬสินธุ์ โดยได้ส่งโทรสารให้ กกต.กาฬสินธุ์ ทราบในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 ลงนามโดย นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ที่อ้างว่าจะต้องรับรองไปก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายด้านงประมาณเพราะ อบจ.ต้องดูแลคนทั้งจังหวัด แต่หากพบว่ามีการทุจริตจึงจะสอยทีหลัง
จ.ส.ต.เกษตรกร กล่าวต่อว่า คำว่า สอยทีหลังนั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด เพราะเชื่อว่า องค์กรอสิระ โดยเฉพาะ กกต.กาฬสินธุ์ และ กกต.กลาง ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ทั้งที่มีการส่งหลักฐานก่อนการเลือกตั้ง มีการแจ้งความ และมีการบันทึกหลักฐานการจ่ายเงินอย่างชัดเจนในทุกขั้นตอน แต่เสมือนเป็นการปล่อยให้คนที่พี่น้องประชาชนติดใจในความโปร่งใสการเลือกตั้งไปเป็นผู้นำ
ในเรื่องนี้ องค์กรภาคประชาชนขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ด้วย เพราะหากปล่อยให้นักการเมืองที่ซื้อเสียงเข้าไปเป็นผู้นำ ก็จะเข้าไปโกงงบประมาณแผ่นดินที่จะทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์เสียหายมากกว่าเดิมด้วย