อุดรธานี - เปิดห้องระดมความเห็นประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในลุ่มน้ำโขง ก่อนประมวลเสนอบรรจุในร่างกฎกระทรวงฯ ที่เกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำ เผยเล็งพัฒนาขุดลอกหนองหานแหล่งชุ่มน้ำขนาดใหญ่ด้วยงบร่วม 1,000 ล้านบาท
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล อ.เมืองอุดรธานี นายนิคม พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 3 เป็นประธานในการเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ในการจัดทำร่างกฏกระทรวงเกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำ ซงจัดขึ้นโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ มีนักวิชาการ องค์กรผู้ใช้น้ำ คณะกรรมการลุ่มน้ำที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากจังหวัดต่างๆเข้าร่วมประชุม
นายนิคม กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นของผู้แทนประชาชนที่เกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำที่ภาคอีสานครั้งนี้นั้นเป็นครั้งสุดท้าย จะเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของทุกภาคที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้นำเอาไปวิเคราะห์ร่วมกับความคิดเห็นของประชาชนในลุ่มน้ำอื่นๆ และเพื่อจะได้นำเอาไปจัดทำร่างกฎกระทรวงฯที่เกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำ ให้มีความชัดเจนและถูกต้องที่สุด เพราะเป็นองค์กรที่สำคัญที่ประชาชนจะรวมกลุ่มกัน เพื่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน
นายนิคม กล่าวอีกว่า เฉพาะในลุ่มน้ำโขงนี้ มีลุ่มน้ำย่อยๆจำนวน 29 ลุ่มน้ำ และมีปัญหาที่เกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่เป็นปัญหาหลักๆก็คือการจัดการบริหารน้ำ คือ ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งที่เป็นปัญหาซ้ำซากทุกปี ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม เช่น จะต้องทำให้เกิดการระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในฤดูฝน หรือการเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอในฤดูแล้ง
ยกตัวอย่างโครงการแก้ไขเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งในฤดูฝน หรือในฤดูแล้ง คือ การที่จะทำการพัฒนาขุดลอกหนองหาน ซึ่งเป็นแหล่งชุ่มน้ำที่สำคัญมากของ จ.อุดรธานี และของภาคอีสานตอนบนที่มีขนาดใหญ่มีพื้นที่มากถึง 28,000 ไร่ วิธีการโดยจะทำการขุดลอกเอาสนมผักตบชวา ดิน ขึ้นมาเพื่อเพิ่มความจุน้ำของหนองหาน
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการกำหนดรูปแบบการจัดการ ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการเป็นเวลา 4 ปี ใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติงบประมาณเบื้องต้นในปีงบประมาณ 2552 แล้วจำนวน 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะอนุมัติออกมาในปีต่อๆไป โดยการดำเนินการคาดว่าจะสามารถลงมือได้ในราวเดือนพฤษภาคม หรือกลางปีนี้
สำหรับสนมและผักตบชวาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น คาดว่าจะนำเอาไปทำเป็นปุ๋ยชีวภาพ ส่วนดินที่ขุดลอกขึ้นมาจำนวนหลายล้านคิว กำลังพิจารณากันว่าจะขายให้เอกชนในราคาถูกเพื่อนำเอาไปใช้ประโยชน์
ด้าน รศ.ดร.ประสิทธิ์ ประคองศรี ผู้อำนวนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การใช้น้ำในปัจจุบันนี้ยังไม่มีความเป็นธรรมและการใช้ไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีกฎหมายการใช้น้ำก็ตาม ทางกรมทรัพยากรน้ำจึงได้มอบให้ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำการรวบรวมระดมความคิดเห็นจากทุกส่วน เพื่อนำเอาไปข้อมูลยกร่างกฎกระทรวง เพื่อให้การจัดการบริหารน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาอย่างหนึ่งเพื่อไม่ให้เกิดภัยแล้ง ก็คือจะต้องอาศัยแหล่งเก็บกักน้ำที่เป็นสระน้ำตามไร่นาของชาวบ้านให้มากที่สุด และน่าที่จะมีการจัดเก็บค่าใช้น้ำจากกลุ่มที่ใช้น้ำเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น สนามกอล์ฟ และโรงงานอุตสาหกรรม โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีบทบาทต่อการแก้ปัญหาทรัพยากรน้ำให้มากขึ้นกว่าปัจจุบันนี้
ส่วนพื้นที่ของหนองหานจะต้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ส่วนที่เรียกว่าโซนอนุรักษ์ ส่วนนี้จะต้องเก็บรักษาเอาไว้ ต้องไม่มีการขุดลอก เพื่อเก็บเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด และเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว 2.ส่วนพื้นที่ฟื้นฟู ซึ่งจะต้องทำการฟื้นฟูสิ่งต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวให้มันดีขึ้น
ส่วนที่ 3 เรียกว่าโซนพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนที่จะต้องมีการขุดลอกให้มีสภาพที่ดีขึ้นแต่จะต้องมีรูปแบบในการขุดลอก ไม่ใช่ทำการขุดลอกกันแบบไม่มีรูปแบบ มั่วไปหมดทุกพื้นที่ จนเกิดความเสียหายเหมือนกับบางโครงการ และทุกอย่างจะต้องขึ้นกับความพอดี
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล อ.เมืองอุดรธานี นายนิคม พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 3 เป็นประธานในการเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ในการจัดทำร่างกฏกระทรวงเกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำ ซงจัดขึ้นโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ มีนักวิชาการ องค์กรผู้ใช้น้ำ คณะกรรมการลุ่มน้ำที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากจังหวัดต่างๆเข้าร่วมประชุม
นายนิคม กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นของผู้แทนประชาชนที่เกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำที่ภาคอีสานครั้งนี้นั้นเป็นครั้งสุดท้าย จะเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของทุกภาคที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้นำเอาไปวิเคราะห์ร่วมกับความคิดเห็นของประชาชนในลุ่มน้ำอื่นๆ และเพื่อจะได้นำเอาไปจัดทำร่างกฎกระทรวงฯที่เกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำ ให้มีความชัดเจนและถูกต้องที่สุด เพราะเป็นองค์กรที่สำคัญที่ประชาชนจะรวมกลุ่มกัน เพื่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน
นายนิคม กล่าวอีกว่า เฉพาะในลุ่มน้ำโขงนี้ มีลุ่มน้ำย่อยๆจำนวน 29 ลุ่มน้ำ และมีปัญหาที่เกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่เป็นปัญหาหลักๆก็คือการจัดการบริหารน้ำ คือ ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งที่เป็นปัญหาซ้ำซากทุกปี ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม เช่น จะต้องทำให้เกิดการระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในฤดูฝน หรือการเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอในฤดูแล้ง
ยกตัวอย่างโครงการแก้ไขเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งในฤดูฝน หรือในฤดูแล้ง คือ การที่จะทำการพัฒนาขุดลอกหนองหาน ซึ่งเป็นแหล่งชุ่มน้ำที่สำคัญมากของ จ.อุดรธานี และของภาคอีสานตอนบนที่มีขนาดใหญ่มีพื้นที่มากถึง 28,000 ไร่ วิธีการโดยจะทำการขุดลอกเอาสนมผักตบชวา ดิน ขึ้นมาเพื่อเพิ่มความจุน้ำของหนองหาน
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการกำหนดรูปแบบการจัดการ ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการเป็นเวลา 4 ปี ใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติงบประมาณเบื้องต้นในปีงบประมาณ 2552 แล้วจำนวน 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะอนุมัติออกมาในปีต่อๆไป โดยการดำเนินการคาดว่าจะสามารถลงมือได้ในราวเดือนพฤษภาคม หรือกลางปีนี้
สำหรับสนมและผักตบชวาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น คาดว่าจะนำเอาไปทำเป็นปุ๋ยชีวภาพ ส่วนดินที่ขุดลอกขึ้นมาจำนวนหลายล้านคิว กำลังพิจารณากันว่าจะขายให้เอกชนในราคาถูกเพื่อนำเอาไปใช้ประโยชน์
ด้าน รศ.ดร.ประสิทธิ์ ประคองศรี ผู้อำนวนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การใช้น้ำในปัจจุบันนี้ยังไม่มีความเป็นธรรมและการใช้ไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีกฎหมายการใช้น้ำก็ตาม ทางกรมทรัพยากรน้ำจึงได้มอบให้ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำการรวบรวมระดมความคิดเห็นจากทุกส่วน เพื่อนำเอาไปข้อมูลยกร่างกฎกระทรวง เพื่อให้การจัดการบริหารน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาอย่างหนึ่งเพื่อไม่ให้เกิดภัยแล้ง ก็คือจะต้องอาศัยแหล่งเก็บกักน้ำที่เป็นสระน้ำตามไร่นาของชาวบ้านให้มากที่สุด และน่าที่จะมีการจัดเก็บค่าใช้น้ำจากกลุ่มที่ใช้น้ำเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น สนามกอล์ฟ และโรงงานอุตสาหกรรม โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีบทบาทต่อการแก้ปัญหาทรัพยากรน้ำให้มากขึ้นกว่าปัจจุบันนี้
ส่วนพื้นที่ของหนองหานจะต้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ส่วนที่เรียกว่าโซนอนุรักษ์ ส่วนนี้จะต้องเก็บรักษาเอาไว้ ต้องไม่มีการขุดลอก เพื่อเก็บเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด และเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว 2.ส่วนพื้นที่ฟื้นฟู ซึ่งจะต้องทำการฟื้นฟูสิ่งต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวให้มันดีขึ้น
ส่วนที่ 3 เรียกว่าโซนพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนที่จะต้องมีการขุดลอกให้มีสภาพที่ดีขึ้นแต่จะต้องมีรูปแบบในการขุดลอก ไม่ใช่ทำการขุดลอกกันแบบไม่มีรูปแบบ มั่วไปหมดทุกพื้นที่ จนเกิดความเสียหายเหมือนกับบางโครงการ และทุกอย่างจะต้องขึ้นกับความพอดี
