“รมว.พลังงาน” ปล่อยแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในอ่าวไทย

ศูนย์ข่าวศรีราชา - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดแท่นหลุมผลิต M25 ของแหล่งน้ำมันมะลิวัลย์ออกสู่ อ่าวไทย

วันนี้ (13 ก.พ.) ที่บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอน์ เอนจิเนียร์ริ่ง จำกัด จังหวัดชลบุรี นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะ ได้เดินทางมาเป็นประธานเยี่ยมชมการก่อสร้างแท่นผลิตสำหรับแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย และเป็นประธานเปิดแท่นหลุมผลิต M25 ของแหล่งน้ำมันมะลิวัลย์ออกสู่ทะเล โดยมีคณะผู้บริหารของบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอน์ เอนจิเนียร์ริ่ง จำกัด ,บริษัทเชฟรอน ประเทศไทย จำกัด และบริษัท ซียูอีแอล จำกัด ได้ให้การต้อนรับ

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เร่งรัดสนับสนุนให้มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยสามารถค้นพบแหล่งปิโตรเลียมถึง 78 แหล่ง เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ 50 แหล่ง และแหล่งน้ำมันดิบ 28 แหล่ง โดยมีการผลิตในแหล่งก๊าซธรรมชาติ 21 แหล่ง และแหล่งน้ำมันดิบ 28 แหล่ง

การปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งต่างๆ ในประเทศนั้น ตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 27 ปี สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เป็นจำนวน 13 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ก๊าซธรรมชาติเหลว 370 ล้านบาร์เบล และน้ำมันดิบ 460 ล้านบาร์เรล คิดเป็นมูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแท่นหลุมผลิต M25 ของแหล่งน้ำมันมะลิวัลย์ ที่ก่อสร้างในครั้งนี้จะนำไปติดตั้งในอ่าวไทยในเร็วๆนี้ โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันได้วันละ 2,000 บาร์เรลต่อวัน และผลิตก๊าซธรรมชาติได้วันละ 15 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซดังกล่าวจะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ


ปัจจุบันกำลังการผลิตน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติในประเทศ อยู่ที่ 230,000 บาร์เรลต่อวันโดยรัฐบาลมีนโยบาย และเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นเป็น 250,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน ภายในปี 2554 นี้ ซึ่งรายได้ที่รัฐบาลได้รับจากการดำเนินธุรกิจดังกล่าว โดยในปี 2551 นั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สามารถจัดเก็บรายได้เข้าสู่รัฐ ถึง 125,000 ล้านบาท โดยนับเป็นหน่วยงานลำดับที่ 4 ที่จัดเก็บรายได้ให้ประเทศ

สำหรับในปี 2552 นี้ คาดว่าจะมีการลงทุนก่อสร้างและผลิตแท่นปิโตรเลียม ดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 130,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอีกรูปแบบหนึ่ง

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า ธุรกิจดังกล่าวภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุน โดยส่งเสริมสนับสนุนด้านภาษีนำเข้า โดยยกเว้นอากรขาเข้า สิทธิประโยชน์ด้าน BOI เพื่อสามารถแข่งขันกับนานาประเทศ เพราะปัจจุบันประเทศไทยกำลังมีชื่อเสียงทางด้านนี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่