ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - กลุ่มคณาจารย์-นักศึกษา ม.ราชภัฎโคราช ลุกฮือเรียกร้องอธิการบดี รวมทั้งผู้บริหารและ “สุวัจน์” นายกสภามหาวิทยาลัยฯ แสดงจริยธรรมความรับผิดชอบโดยการลาออก กรณีรับสภาพหนี้เน่านายทุนจากโครงการร่วมลงทุนก่อสร้างหอพัก 141 ล้านฉาวโฉ่ ให้มหา’ลัยรับกรรมฝ่ายเดียว เผย ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวนตรวจสอบเอาผิดแล้ว ด้านสภาคณาจารย์ตื่นยื่นฟ้องศาลปกครองให้การรับหนี้เน่าเป็นโมฆะ เผยศาลส่งหมายเรียกอธิการบดีเข้าไต่ส่วนพรุ่งนี้ (12 ก.พ.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมโปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตัวแทนกลุ่มคณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ และคนงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นำโดย ผศ.ดร.สามารถ จับโจร ประธานสาขาโปรแกรมทัศนศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์ฯ, อ.กิตติชัย ตรีรัตนวิชชา, อ.สัญญา พันธ์ไสว และนายพิสิทธิ์ จิตรสมบูรณ์ คณะมนุษยศาสตร์ฯ ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้ อธิการบดี และผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา รวมทั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยฯ รับผิดชอบกรณีการรับสภาพหนี้เน่าของเอกชนจากโครงการร่วมลงทุนก่อสร้างหอพักนักศึกษาหญิง มูลค่า 141 ล้านบาท ที่ล้มเหลวมาให้มหาวิทยาลัยฯ รับภาระแต่เพียงฝ่ายเดียว
ส่งผลให้มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐได้รับความเสียหายต้องนำงบประมาณ 41 ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคาร อีก 100 ล้านบาท ไปใช้จ่ายให้เอกชน คือ หจก.สุรนารี ซัพพลายส์ ในครั้งเดียวเรียบร้อยแล้วอย่างรีบเร่งเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2551 ที่ผ่านมา โดยมหาวิทยาลัยฯ ต้องแบกรับภาระหนี้สินนำเงินงบประมาณไปชำระคืนเงินกู้ธนาคารทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานาน 20 ปี รวมกว่า 200 ล้านบาท
ผศ.ดร.สามารถ จับโจร แกนนำกลุ่มคณาจารย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหลังจากตัวแทนกลุ่มคณาจารย์และนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เข้ายื่นคำร้องต่อ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงในความไม่ชอบมาพากลและดำเนินการเอาผิดผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในผลประโยชน์ ทำให้มหาวิทยาลัยฯซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐได้รับความเสียหาย ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา นั้น
ล่าสุดจากการโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่หมายเลข 01767 ได้รับคำตอบว่า ทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณารับเรื่องดังกล่าวไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว และจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร่งด่วนต่อไป
นอกจากนี้ ทราบว่าเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางตัวแทนสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องอธิการบดี (ผศ.ดร.เศาวนิต เศาณานนท์) และ สภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ต่อศาลปกครองนครราชสีมา เพื่อให้การนำงบประมาณและเงินกู้ของมหาวิทยาลัยฯ รวม 141 ล้านบาท ไปใช้จ่ายให้เอกชนตามมติสภามหาวิทยาลัยฯ จากการเสนอของอธิการบดี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2551 เป็นโมฆะ ซึ่งล่าสุดทราบว่า ได้มีหมายจากศาลปกครองนครราชสีมา ให้อธิการบดีและสภามหาวิทยาลัยฯ เข้ารับการไต่สวนกรณีโครงการก่อสร้างหอพักนักศึกษาและการรับสภาพหนี้ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (12 ก.พ.)
“เรื่องนี้ถือว่าเป็นการสร้างความมัวหมองด่างพร้อยให้กับมหาวิทยาลัยฯ แห่งนี้เป็นอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้บุคลากรของมหาวิทยาฯ ลุกขึ้นมาทวงถามหาความยุติธรรม และแสดงพลังทางศีลธรรมขับไล่บุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและนักการเมืองที่เข้ามาสร้างอิทธิพลฐานเสียง ออกไปจากสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้โดยเร็ว พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนจับตาการสรรหาอธิการบดีอยู่ในขณะนี้อย่างใกล้ชิด เพราะมีกลุ่มบุคคลที่ยังไม่รู้จักพอ อยากเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์กันมาก” ผศ.ดร.สามารถ กล่าว
ด้าน นายพิสิทธิ์ จิตรสมบูรณ์ นักศึกษาคณะมนุษย์ศาสตร์ฯ แกนนำกลุ่มนักศึกษา กล่าวว่า การก่อสร้างและบริหารจัดการหอพักนักศึกษา มูลค่า 141 ล้านบาท ของอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ และผู้เกี่ยวข้องนั้นล้มเหลว มีนักศึกษาเข้าพักจำนวนน้อยจึงได้บากหน้านำเรื่องเข้าขอมติจากสภามหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2551 เพื่อรับสภาพหนี้หอพักที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นี้ให้ตกเป็นของมหาวิทยาลัยฯ ต้องแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงฝ่ายเดียว และเร่งรีบชำระคืนเงินลงทุนให้เอกชนก่อนครบกำหนดตามสัญญา 25 ปี
อีกทั้งการร่วมทุนกับเอกชนก่อสร้างหอพักดังกล่าว ถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากการเข้าพักของนักศึกษา เพราะราคาค่าห้องพักคิดแบบอัตราก้าวหน้า แพงกว่าหอพักเอกชนนอกมหาวิทยาลัยฯ ซึ่ง เป็นการรีดเลือดจากปูและหากินบนความทุกข์ยากของผู้ปกครองนักศึกษา ซึ่งนักศึกษาส่วนมากมาจากครอบครัวที่ยากจนและประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ฉะนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ ผศ.ดร.เศาวนิต เศาณานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งรักษาราชการแทนอธิการบดี และ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยฯ ผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เสียออกมาแสดงจริยธรรมทางการบริหารและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาตรา 279 ว่า ด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ด้วยการพิจารณาตนเองและลาออกจากตำแหน่งโดยด่วน เพื่อเห็นแก่เกียรติยศ และชื่อเสียงอันดีของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
“ขอเรียกร้องให้คณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ คนงาน ได้ออกมาแสดงจุดยืนในการรักษาผลประโยชน์ของชาติโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อขับไล่ผู้ที่ชักโยงเหนี่ยวรั้งมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรตินี้จมลงดินออกไปให้พ้น เพื่อปกป้องภาษีอากรของพี่น้องประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคงไว้ซึ่งความยุติธรรม ตลอดจนกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรี ของชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมากลับคืนมาโดยเร็ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้” นายพิสิทธิ์ กล่าว