ชัยภูมิ – ฉาวโฉ่! จนท.มหาวิทยาลัยชื่อดังชัยภูมิ บุกปล้ำ นศ.สาวในหอพัก เหยื่อสาวดิ้นหนีได้หวุดหวิด เรียกเพื่อน นศ.ร่วมหอช่วยทัน แม่ผู้เสียหายโร่แจ้งความเอาผิดถึงที่สุด ระบุถูกข่มขู่ไล่ออกมหาวิทยาลัยหากไม่ยอมความและรับค่าเสียหาย 3 หมื่นบาท
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเรื่องราวสุดฉาวโฉ่ครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้น หลังผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางมี (นามสมมติ) อายุ 59 ปี หลังได้พาบุตรสาว น.ส.บี (นามสมมติ) วัย 19 ปี นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ใจสบาย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เมื่อช่วงเวลา 19.00 น.ของวันที่ 29 ธ.ค. น.ส.บี บุตรสาวตนถูกนายสศิพัฒน์ จงจอหอ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณบดีฯได้บุกเข้าห้องพักของหอพักใมหาวิทยาลัย ใช้กำลังลวนลามปลุกป้ำ ผลักเหยื่อเข้าไปภายในห้องน้ำและพยายามถอดเสื้อผ้าเพื่อจะข่มขืน แต่บุตรสาวขัดขืนต่อสู้สุดชีวิต และฉวยโอกาสวิ่งหนีออกมาจากห้องร้องตะโกนเรียกให้เพื่อนร่วมหอพักช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่นายสศิพัฒน์ผู้ก่อเหตุจะรีบวิ่งหลบหนีไป
จากนั้น น.ส.บี และเพื่อนนักศึกษาสาวร่วมหอพักจึงรีบพากันไปแจ้งต่อ น.ส.จุฑาทิพย์ ศรีสุข เจ้าหน้าที่ดูแลหอพักและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยฯ แต่กลับบอกว่าขอให้เก็บเงียบเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องภายในจะทำให้ของสถาบันเสียหายได้ ต้องรอแจ้งเรื่องให้อธิการบดี ทราบหลังเทศกาลปีใหม่ 2552
อย่างไรก็ตาม พอรุ่งเช้า น.ส.บี ได้แจ้งให้มารดาทราบเรื่องและพาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานทันทีในวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 5 ม.ค. มารดา น.ส.บี จึงได้พากันเดินทางเข้าพบอธิการบดีเพื่อขอติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กลับได้รับคำตอบว่ายังไม่ทราบเรื่อง และบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในสถาบันต้องรอนำเข้าที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยก่อน ซึ่งไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ถ้ามีการพูดคุยยอมความ เรียกค่าเสียหายกันได้ก็ควรให้เรื่องนี้เงียบไป เพราะจะเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสถาบัน
ทั้งนี้ ท่าทีของอธิการบดีต่อเรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มนักศึกษาหญิงในหอพัก และทำลายขวัญ สร้างความหวาดผวาต่อนักศึกษาที่มาพักอยู่ในอาคารหอพักของสถาบัน กว่า 190 คนเป็นอย่างมาก เพราะหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยหากมีการปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปโดยที่คนผิดยังลอยนวล
ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ได้นำจดหมายมาส่งให้ น.ส.บี ผู้เสียหายให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเวลา 15.00 น.วันที่ 7 ม.ค. ที่ห้องประชุมสระหงส์ 4 ต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นอกจากนี้ น.ส.บี ผู้เสียหายยังถูกข่มขูว่าหากเรื่องนี้ยังไม่จบก็ให้ออกไปจากหอพักหญิงแห่งนี้ และออกจากมหาวิทยาลัยไป พร้อมกล่าวหาว่าฝ่ายนักศึกษาหญิงทำตัวไม่เหมาะสม เป็นคนผิดพาฝ่ายชายเข้ามาในหอพักเอง
ขณะที่ น.ส.บี (นามสมมติ) วัย 19 ปี ผู้เสียหาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุการณ์แสนอัปยศนี้ เพื่อนนักศึกษาสาวทุกคนเกิดความหวาดผวามากเกรงว่าไม่มีความปลอดภัย อยู่ในหอพักไม่รู้ว่าจะถูกใครบุกเข้ามาในห้องข่มขืนเมื่อไร ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้นเลย และถูกกล่าวโทษทำตัวไม่เหมาะสม เป็นคนผิดพาฝ่ายชายเข้ามาในหอพักเอง และถูกข่มขู่มาโดยตลอดว่าถ้ายังไม่จบก็ให้ออกไปจากหอพักหญิงแห่งนี้ และออกจากมหาวิทยาลัยไป เพื่อบีบไม่ให้ตนเอาเรื่อง โดยแลกกับการรับเงินค่าเสียหายจำนวน 30,000 บาท
“หากปล่อยให้เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นและเงียบลงเอง ผู้กระทำผิดก็จะได้ใจ แล้วไม่รู้ว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไปอีก จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด” น.ส.บี กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ใจสบาย พนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้เรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว และยอมรับสารภาพว่าได้เข้าไปก่อเหตุลวนลาม ปลุกป้ำ เพื่อการอนาจารผู้เสียหายจริง แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมจึงยังไม่ได้ข่มขืน สาเหตุที่ทำไปเพราะแอบหลงรักเด็กสาวคนนี้มานาน และพร้อมยินยอมชดเชยค่าเสียหายต่อการกระทำที่เกิดขึ้นให้เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท ซึ่งได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจากันเบื้องต้นแล้ว แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเรื่องราวสุดฉาวโฉ่ครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้น หลังผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางมี (นามสมมติ) อายุ 59 ปี หลังได้พาบุตรสาว น.ส.บี (นามสมมติ) วัย 19 ปี นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ใจสบาย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เมื่อช่วงเวลา 19.00 น.ของวันที่ 29 ธ.ค. น.ส.บี บุตรสาวตนถูกนายสศิพัฒน์ จงจอหอ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณบดีฯได้บุกเข้าห้องพักของหอพักใมหาวิทยาลัย ใช้กำลังลวนลามปลุกป้ำ ผลักเหยื่อเข้าไปภายในห้องน้ำและพยายามถอดเสื้อผ้าเพื่อจะข่มขืน แต่บุตรสาวขัดขืนต่อสู้สุดชีวิต และฉวยโอกาสวิ่งหนีออกมาจากห้องร้องตะโกนเรียกให้เพื่อนร่วมหอพักช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่นายสศิพัฒน์ผู้ก่อเหตุจะรีบวิ่งหลบหนีไป
จากนั้น น.ส.บี และเพื่อนนักศึกษาสาวร่วมหอพักจึงรีบพากันไปแจ้งต่อ น.ส.จุฑาทิพย์ ศรีสุข เจ้าหน้าที่ดูแลหอพักและทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยฯ แต่กลับบอกว่าขอให้เก็บเงียบเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องภายในจะทำให้ของสถาบันเสียหายได้ ต้องรอแจ้งเรื่องให้อธิการบดี ทราบหลังเทศกาลปีใหม่ 2552
อย่างไรก็ตาม พอรุ่งเช้า น.ส.บี ได้แจ้งให้มารดาทราบเรื่องและพาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานทันทีในวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 5 ม.ค. มารดา น.ส.บี จึงได้พากันเดินทางเข้าพบอธิการบดีเพื่อขอติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กลับได้รับคำตอบว่ายังไม่ทราบเรื่อง และบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในสถาบันต้องรอนำเข้าที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยก่อน ซึ่งไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ถ้ามีการพูดคุยยอมความ เรียกค่าเสียหายกันได้ก็ควรให้เรื่องนี้เงียบไป เพราะจะเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสถาบัน
ทั้งนี้ ท่าทีของอธิการบดีต่อเรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มนักศึกษาหญิงในหอพัก และทำลายขวัญ สร้างความหวาดผวาต่อนักศึกษาที่มาพักอยู่ในอาคารหอพักของสถาบัน กว่า 190 คนเป็นอย่างมาก เพราะหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยหากมีการปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปโดยที่คนผิดยังลอยนวล
ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ได้นำจดหมายมาส่งให้ น.ส.บี ผู้เสียหายให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเวลา 15.00 น.วันที่ 7 ม.ค. ที่ห้องประชุมสระหงส์ 4 ต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นอกจากนี้ น.ส.บี ผู้เสียหายยังถูกข่มขูว่าหากเรื่องนี้ยังไม่จบก็ให้ออกไปจากหอพักหญิงแห่งนี้ และออกจากมหาวิทยาลัยไป พร้อมกล่าวหาว่าฝ่ายนักศึกษาหญิงทำตัวไม่เหมาะสม เป็นคนผิดพาฝ่ายชายเข้ามาในหอพักเอง
ขณะที่ น.ส.บี (นามสมมติ) วัย 19 ปี ผู้เสียหาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุการณ์แสนอัปยศนี้ เพื่อนนักศึกษาสาวทุกคนเกิดความหวาดผวามากเกรงว่าไม่มีความปลอดภัย อยู่ในหอพักไม่รู้ว่าจะถูกใครบุกเข้ามาในห้องข่มขืนเมื่อไร ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้นเลย และถูกกล่าวโทษทำตัวไม่เหมาะสม เป็นคนผิดพาฝ่ายชายเข้ามาในหอพักเอง และถูกข่มขู่มาโดยตลอดว่าถ้ายังไม่จบก็ให้ออกไปจากหอพักหญิงแห่งนี้ และออกจากมหาวิทยาลัยไป เพื่อบีบไม่ให้ตนเอาเรื่อง โดยแลกกับการรับเงินค่าเสียหายจำนวน 30,000 บาท
“หากปล่อยให้เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นและเงียบลงเอง ผู้กระทำผิดก็จะได้ใจ แล้วไม่รู้ว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไปอีก จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด” น.ส.บี กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ใจสบาย พนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้เรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว และยอมรับสารภาพว่าได้เข้าไปก่อเหตุลวนลาม ปลุกป้ำ เพื่อการอนาจารผู้เสียหายจริง แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมจึงยังไม่ได้ข่มขืน สาเหตุที่ทำไปเพราะแอบหลงรักเด็กสาวคนนี้มานาน และพร้อมยินยอมชดเชยค่าเสียหายต่อการกระทำที่เกิดขึ้นให้เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท ซึ่งได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจากันเบื้องต้นแล้ว แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
