แพร่ - เครือข่ายชาวบ้านภาคเหนือ จี้ “อภิสิทธิ์” สลายรัฐตำรวจ ไล่สนองการเมืองไล่บี้เอาผิดแกนนำเกษตรกรประท้วงราคาข้าวโพด ยัดข้อหาตั้งแต่ปิดกั้นทางจราจร-มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง แถมพ่วงด้วยประเด็นหนีคดีอีกดอก
ในการประชุมสัมมนา 1 ทศวรรษเครือข่ายทรัพยากรฯภาคเหนือ ภายใต้โครงการเชื่อมร้อยเครือข่ายทรัพยากรเพื่อความมั่นคงฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.น่าน ตัวแทนสมาพันธ์เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดภาคเหนือ ได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านที่ออกมาชุมนุมปิดถนนในหลายจังหวัดภาคเหนือ เพื่อให้ทางการใช้มาตรการประกันราคาข้าวโพดแก้ปัญหาขาดทุนอย่างรุนแรง
ชาวบ้านที่เดือดร้อนเหล่านี้กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมดำเนินคดี โดยพวกเขาเชื่อว่ามีนักการเมืองเป็นตัวชักใยอยู่เบื้อหลังสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศชาติ อีกทั้งบางรายกำลังจะถูกยัดข้อหาหลบหนีเพิ่มอีก
กรณีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดพะเยาที่ออกมาชุมนุมเรียกร้อง กำลังถูกตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ติดตามตัวและยื่นข้อหาร่วมกันปิดกั้นการจราจรอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินร่วมกันเป็นหัวหน้าและร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ไม่ว่าจะเป็นนายเกรียงไกร ไชยมงคล อายุ 62 ปี อดีต ส.ส.พะเยา ,นายประพันธ์ สิงห์ชัย อายุ 42 ปี นายกเทศมนตรีตำบลห้วยลาน อ.ดอกคำใต้, จ่าสิบเอกอนันต์ศักดิ์ กุลปัญญา อายุ 57 ปี ข้าราชการบำนาญ ซึ่งแม้ว่าทั้ง 3 คนนี้ไม่ได้เป็นแกนนำชาวบ้าน เพียงเห็นความไม่เป็นธรรมในการค้าข้าวโพดของพ่อค้าคนกลาง ที่กดขี่เกษตรกรจึงขึ้นเวทีปราศรัยช่วยชาวบ้าน ในวันชุมนุม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ก็ถูกตั้งข้อหาเดียวกัน โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยา ได้ดำเนินการสั่งฟ้องไปแล้ว และกำลังจะมีการยื่นฟ้องอีกกว่า 20 คน ทั้งหมดเป็นเกษตรกรที่ประสบปัญหาขาดทุนจากการปลูกข้าวโพด
นายเรืองเดช ประดิพัทธิ์สกุล อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 3 ต.สันโค้ง อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ร่วมชุมนุมประท้วงปิดถนนได้นำเสนอปัญหาต่อเครือข่ายเกษตกร สมาพันธ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เครือข่ายทรัพยากรภาคเหนือ เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาให้กับเกษตรกรที่ประสบปัญหาไม่มีทางออกจนต้องชุมนุมประท้วงปิดถนนเรียกร้องให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือ กลับถูกตามเอาผิดทางกฎหมายถือเป็นความไม่ชอบธรรมอย่างยิ่งที่ประชาชนพยายามเรียกร้องให้รัฐช่วยแต่เพิกเฉย จนเกษตรกรต้องออกมาเรียกร้องบนถนน ซึ่งไม่เพียงการจับกุมจะไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรเท่านั้น
แต่พบว่าเบื้องหลังการจับกุมดำเนินคดี มาจากปัญหาการเมืองในจังหวัดที่ต้องการทำลายคู่ต่อสู้ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาให้ความเป็นธรรมต่อเกษตรกรด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังมีกระบวนการเพิ่มข้อหาโดยการยื่นฟ้องต่ออัยการโดยระบุว่าแกนนำชาวบ้านหลบหนี เพื่อหวังผลในการเพิ่มโทษนั่นเอง
เขาบอกว่า การจับกุมเกษตรกรของพนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา อาจไม่เป็นเพียงพื้นที่เดียวและเชื่อว่าจะมีการจับกุมแกนนำเกษตรกรเพิ่มขึ้นอีก เครือข่ายภาคประชาชน ได้แก่เครือข่ายทรัพยากรภาคเหนือ สมาพันธ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภาคเหนือ จึงได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของตำรวจที่รับใช้การเมืองไม่เลิก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
แกนนำชาวบ้านจำนวน 15 จังหวัด ได้หารือร่วมกันอีกว่า ถ้าตำรวจยังไม่ใช้ความเป็นธรรมและแก้ปัญหาร่วมกันยังคงใช้กฎหมายปราบชาวบ้านไม่เลิก จะมีการชุมนุมใหญ่ทั้งภาคเหนือต่อไป