อุดรธานี - ม็อบข้าวโพด-มันสำปะหลัง ปิดอำเภอน้ำโสม ประท้วงขอให้ภาครัฐช่วยราคารับจำนำข้าวโพดและมันสำประหลัง ขีดเส้นตาย 15 วันไม่คืบ เกษตรกรกว่าพันจะบุกศาลากลางและปิดถนนตัดขาดการจราจร
วานนี้ (12 ม.ค.) ที่สำนักงานเกษตรอำเภอน้ำโสม ชาวบ้านนาเมืองไทย จำนวน 500 คน ได้เดินทางมาประท้วงปิดที่ว่าการอำเภอน้ำโสม โดยขอให้รัฐบาลเปิดจุดรับจำนำเพิ่มและคืนจ่ายเงินค่ามันสำปะหลังและข้าวโพดที่ติดค้าง โดยมีนายบัวเงิน คืนดี สมาชิก อบต. หมู่ที่ 10 บ้านนาเมืองไทย นายณรงค์ พันธ์ไชย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่10 บ้านนาเมืองไทย พร้อมแกนนำหลายสิบคนได้เข้าเจรจากับคณะนายอำเภอ
จากการสอบถาม นายบัวเงิน เล่าว่า พวกตนมีอาชีพปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปลูกมันสำปะหลัง โดยทางรัฐบาลชุดที่แล้วได้ประกาศรับจำนำราคาข้าว โพดที่ราคา 8.50 บาท /กก. ซึ่งให้ไปจำนำกับจุดที่เปิดรับจำนำโดยไปลงชื่อขอคิวกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร พวกตนจึงได้ไปจำนำจำนวน 3,000 กระสอบเป็นเงิน 2,550,000 บาท
ต่อมาโครงการประกาศยกเลิกและข้าวโพดที่จำนำไว้ก็ยังไม่ได้รับเงิน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ปลูกมันสำประหลังซึ่งทางรัฐบาลได้ประกาศรับจำนำในราคา 1 บาท 80 สตางค์ ถึง 2 บาทเศษ/กก.เพิ่มขึ้นทุกเดือนตามอายุของแป้งมัน โดยในอำเภอน้ำโสมเป็นอำเภอที่ปลูกมันสำประหลังมาที่สุดเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจะมีผลผลิตออกมาหลายหมื่นตันแต่ทางภาครัฐบาลรับเข้าโครงการเพียง 20,000 ตัน
แต่เปิดจุดรับจำนำเพียงลานเดียวโดยกำหนดแค่วันละ 200 ตัน แต่นำไปจำนำได้แค่ 3,000 กว่าตันโครงการก็ได้หยุด ชาวบ้านบางส่วนก็ยังไม่ได้รับเงิน พวกตนและชาวบ้านจึงได้รับความเดือดร้อนมาก หากทางอำเภอแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้พวกตนและชาวบ้านก็จะเดินทางไปประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี และจะนำข้าวโพดและมันสำประหลังมาเทปิดถนนในเมืองนำโสม
นายสัญญา ประเสริฐวิทย์ นายอำเภอน้ำโสม นายสามารถ มั่นนอก ปลัดอาวุโสอำเภอน้ำโสม นายเชาวลิต จันทรมณี เกษตรอำเภอน้ำโสม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาทำการเจรจากับชาวบ้านที่มาประท้วง โดยได้ข้อสรุปว่า จะประสานให้มีการรับจำนำต่อและจ่ายเงินเกษตรกรที่ค้างอยู่ทั้งหมด และเปิดเพิ่มอีก 5 จุดเพื่อให้เพียงพอกับเกษตรกรโดยขอเวลา 15 วันเมื่อทางนายอำเภอแจ้งให้กับกลุ่มเกษตรกรทราบแล้วเกษตรก็สลายตัวกลับบ้าน
นายบัวเงิน กล่าวต่อว่า แต่ถ้าเกิน 15 วันแล้วยังไม่ได้ตามที่ตกลงก็จะนำเกษตรกว่าพันคนจะเดินทางบุกศาลากลางจังหวัดอุดรธานีและทำการเอาข้าวโพดและมันสำประหลังมาเทปิดถนนตามที่ได้บอกไว้ตามข้อตกลง
วานนี้ (12 ม.ค.) ที่สำนักงานเกษตรอำเภอน้ำโสม ชาวบ้านนาเมืองไทย จำนวน 500 คน ได้เดินทางมาประท้วงปิดที่ว่าการอำเภอน้ำโสม โดยขอให้รัฐบาลเปิดจุดรับจำนำเพิ่มและคืนจ่ายเงินค่ามันสำปะหลังและข้าวโพดที่ติดค้าง โดยมีนายบัวเงิน คืนดี สมาชิก อบต. หมู่ที่ 10 บ้านนาเมืองไทย นายณรงค์ พันธ์ไชย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่10 บ้านนาเมืองไทย พร้อมแกนนำหลายสิบคนได้เข้าเจรจากับคณะนายอำเภอ
จากการสอบถาม นายบัวเงิน เล่าว่า พวกตนมีอาชีพปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปลูกมันสำปะหลัง โดยทางรัฐบาลชุดที่แล้วได้ประกาศรับจำนำราคาข้าว โพดที่ราคา 8.50 บาท /กก. ซึ่งให้ไปจำนำกับจุดที่เปิดรับจำนำโดยไปลงชื่อขอคิวกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร พวกตนจึงได้ไปจำนำจำนวน 3,000 กระสอบเป็นเงิน 2,550,000 บาท
ต่อมาโครงการประกาศยกเลิกและข้าวโพดที่จำนำไว้ก็ยังไม่ได้รับเงิน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ปลูกมันสำประหลังซึ่งทางรัฐบาลได้ประกาศรับจำนำในราคา 1 บาท 80 สตางค์ ถึง 2 บาทเศษ/กก.เพิ่มขึ้นทุกเดือนตามอายุของแป้งมัน โดยในอำเภอน้ำโสมเป็นอำเภอที่ปลูกมันสำประหลังมาที่สุดเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจะมีผลผลิตออกมาหลายหมื่นตันแต่ทางภาครัฐบาลรับเข้าโครงการเพียง 20,000 ตัน
แต่เปิดจุดรับจำนำเพียงลานเดียวโดยกำหนดแค่วันละ 200 ตัน แต่นำไปจำนำได้แค่ 3,000 กว่าตันโครงการก็ได้หยุด ชาวบ้านบางส่วนก็ยังไม่ได้รับเงิน พวกตนและชาวบ้านจึงได้รับความเดือดร้อนมาก หากทางอำเภอแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้พวกตนและชาวบ้านก็จะเดินทางไปประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี และจะนำข้าวโพดและมันสำประหลังมาเทปิดถนนในเมืองนำโสม
นายสัญญา ประเสริฐวิทย์ นายอำเภอน้ำโสม นายสามารถ มั่นนอก ปลัดอาวุโสอำเภอน้ำโสม นายเชาวลิต จันทรมณี เกษตรอำเภอน้ำโสม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาทำการเจรจากับชาวบ้านที่มาประท้วง โดยได้ข้อสรุปว่า จะประสานให้มีการรับจำนำต่อและจ่ายเงินเกษตรกรที่ค้างอยู่ทั้งหมด และเปิดเพิ่มอีก 5 จุดเพื่อให้เพียงพอกับเกษตรกรโดยขอเวลา 15 วันเมื่อทางนายอำเภอแจ้งให้กับกลุ่มเกษตรกรทราบแล้วเกษตรก็สลายตัวกลับบ้าน
นายบัวเงิน กล่าวต่อว่า แต่ถ้าเกิน 15 วันแล้วยังไม่ได้ตามที่ตกลงก็จะนำเกษตรกว่าพันคนจะเดินทางบุกศาลากลางจังหวัดอุดรธานีและทำการเอาข้าวโพดและมันสำประหลังมาเทปิดถนนตามที่ได้บอกไว้ตามข้อตกลง