เอกชนชี้ไม่มีข้าวโพดจากลาวทะลัก ระบุจีน-เวียดนามกว๊านซื้อหมดแล้ว

เชียงราย - ผู้ประกอบการนำเข้าข้าวโพดรายใหญ่ของเชียงรายยืนยันไม่มีการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศลาว เพื่อมาสวมสิทธิ์ในประเทศอย่างแน่นอน เหตุราคาที่ประเทศจีนและเวียดนามดีกว่าส่งผลให้เกษตรกรพากันเทขายให้ 2 ประเทศมากกว่าที่จะส่งเข้ามาในไทยที่เสี่ยงกับการขาดทุน

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย วันนี้ (22 ม.ค.) แจ้งว่า สำนักงานพาณิชย์ จ.เชียงราย ได้รายงานสถิติการนำเข้าสินค้าประเภทข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในปี 2551 ที่ผ่านมา จ.เชียงราย ว่ามีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก สปป.ลาว เป็นมูลค่ากว่า 42,198,704.94 บาท โดยแม้แต่ในในเดือน ธ.ค.2551 ซึ่งคาบเกี่ยวกับช่วงที่รัฐบาลที่นำโดย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ห้ามนำเข้าเพราะเกรงจะมีการนำเข้ามาตีตลาดหรือสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำในประเทศไทย แต่ก็ยังมีการนำเข้ามากว่า 8,487,358.32 บาท โดยรัฐบาลเก่าได้ขอไม่ให้มีการนำเข้าตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ต.ค.2551 เป็นต้นมาจนถึงปลายเดือน ธ.ค.2551 เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน

ด้าน นายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองเลขาธิการหอการค้า จ.เชียงราย และผู้นำเข้าข้าวโพดรายใหญ่ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ยืนยันว่า ในปัจจุบันผู้ประกอบการค้าชายแดนไม่ได้มีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากลาวมากเหมือนในอดีตแล้ว และทำให้ปริมาณการนำเข้าของปีที่แล้วลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านๆ มาเสียอีก

โดยมีสาเหตุมาจากการที่ผู้ประกอบการเล็งเห็นว่า ตลาดข้าวโพดภายในประเทศกำลังประสบกับปัญหาข้าวโพดล้นตลาดจนฉุดราคาให้ตกต่ำอย่างมาก ดังนั้นหากยังขืนนำข้าวโพดเข้ามาอีกก็จะประสบกับภาวะขาดทุน หรือหากมีผู้ไม่หวังดีคิดจะนำเข้ามาสวมสิทธิ์ตามโครงการรับจำนำของประเทศไทยก็จะพบกับความเสี่ยงสูงเพราะต้องแข่งกับผลผลิตที่มีอยู่มากมาย ขณะที่ข้าวโพดตามโครงการ 500,000 ตัน ได้เต็มไปหมดแล้วและที่จ่ออยู่ 250,000 ตัน ก็คงไม่สามารถสอดแทรกเข้าไปได้แน่นอน โดยเฉพาะที่ จ.เชียงราย ซึ่งมีกลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็งและมีสถานที่รับจำนำเพียง 1 แห่ง คือ ไซโลที่ อ.เทิง เท่านั้น

รองเลขาธิการหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า สถานการณ์ที่แท้จริง คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใน สปป.ลาว โดยเฉพาะแขวงลาวตอนเหนือได้มีการเทจำหน่ายไปให้กับเอกชนชาวจีน และชาวเวียดนามไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากพ่อค้าไทยชะลอหรือชะลอการสั่งซื้อเพื่อนำเข้า เพราะปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศจีนก็ให้ราคาที่ล่อใจโดยล่าสุดพบว่าให้ราคา 6 บาทกว่าๆ ต่อ 1 กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรในลาวหันไปจำหน่ายให้พ่อค้าชาวจีนและบางส่วนไปยังประเทศเวียดนาม

แม้แต่เอกชนไทยบางรายที่เข้าไปทำโครงการคอนแทรกฟาร์มมิง หรือส่งเสริมให้เกษตรกรลาวปลูกข้าวโพดโดยเอกชนส่งเมล็ดพันธุ์ เทคโนโลยี ฯลฯ เข้าไป ก็ยังตัดสินใจให้เกษตรกรที่นั่นเทจำหน่ายให้กับพ่อค้าชาวจีนเพื่อจะได้ต้นทุนที่ลงทุนไปคืนมาเลย เรียกได้ว่าปีนี้ยิ่งซื้อกลับมาก็ยิ่งขาดทุน

ด้าน นายสมบัติ นิลประภา แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดใน จ.เชียงราย กล่าวว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีม็อบเกษตรกรออกมาเคลื่อนไหวถึงขั้นปิดถนนกันอีกแล้ว เพราะฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดจะหมดลงภายในสิ้นเดือน ม.ค.2552 นี้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรก็คงจะถือเป็นบทเรียนสำคัญด้วยการพยายามพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็จะไม่ละทิ้งการติดตามโครงการรับจำนำเพื่อช่วยเหลือผลผลิตบางส่วนโดยเฉพาะที่ค้างอยู่ในไซโลแต่เดิมให้สามารถจำหน่ายได้ตามราคาดังกล่าวต่อไป