บุรีรัมย์ - ธ.ก.ส.พร้อมเปิดรับจำนำข้าวนาปรังจากเกษตรกรบุรีรัมย์ ที่มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,600 ไร่ ขณะที่ทางจังหวัดฯ ย้ำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ตรวจสอบการรับจำนำให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส คุมเข้มป้องกันการสวมสิทธิ์ แม้จะมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังน้อยก็ตาม
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายประวัติ รัฐิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของเกษตรกร ที่จะเริ่มเปิดโครงการจำนำในวัน 15 มิ.ย.ที่จะถึงนี้แล้ว จากที่ จ.บุรีรัมย์ มีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังทั้งจังหวัด 765 ราย รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,630 ไร่ จะมีผลผลิตกว่า 3,900 ตัน
ขณะที่ทางจังหวัดได้กำชับให้คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปควบคุมดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ในการป้องกันกลุ่มพ่อค้าไม่ให้มีการลักลอบสวมสิทธิ์เกษตรกร เพื่อนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำอย่างเด็ดขาด เกรงจะทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณของรัฐ
โดยเกษตรกรที่จะเข้ามาร่วมโครงการ จะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างถูกต้อง พร้อมได้ขอความร่วมมือทางอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรได้ทราบถึงนโยบายหลักเกณฑ์ของโครงการรับจำนำข้าวนาปรังอย่างทั่วถึง ถึงแม้จังหวัดบุรีรัมย์จะมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังน้อยตาม
“จังหวัดได้ย้ำให้คณะกรรมการฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าไปตรวจสอบดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร และให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการรับจำนำข้าวนาปรังในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ยังได้เร่งให้เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการรีบไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรด้วย” นายประวัติ กล่าว
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายประวัติ รัฐิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของเกษตรกร ที่จะเริ่มเปิดโครงการจำนำในวัน 15 มิ.ย.ที่จะถึงนี้แล้ว จากที่ จ.บุรีรัมย์ มีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังทั้งจังหวัด 765 ราย รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,630 ไร่ จะมีผลผลิตกว่า 3,900 ตัน
ขณะที่ทางจังหวัดได้กำชับให้คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปควบคุมดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ในการป้องกันกลุ่มพ่อค้าไม่ให้มีการลักลอบสวมสิทธิ์เกษตรกร เพื่อนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำอย่างเด็ดขาด เกรงจะทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณของรัฐ
โดยเกษตรกรที่จะเข้ามาร่วมโครงการ จะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างถูกต้อง พร้อมได้ขอความร่วมมือทางอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรได้ทราบถึงนโยบายหลักเกณฑ์ของโครงการรับจำนำข้าวนาปรังอย่างทั่วถึง ถึงแม้จังหวัดบุรีรัมย์จะมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังน้อยตาม
“จังหวัดได้ย้ำให้คณะกรรมการฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าไปตรวจสอบดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร และให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการรับจำนำข้าวนาปรังในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ยังได้เร่งให้เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการรีบไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรด้วย” นายประวัติ กล่าว