ศูนย์ข่าวภูมิภาค – แม้รัฐบาลจะประชุม ครม.เร่งด่วนก่อนสิ้นปีเปิดรับจำนำข้าวโพดไปแล้ว แต่ล่าสุดส่อเค้าไม่จบจริง เกษตรกรหลายจังหวัดไม่พอใจรายละเอียดการช่วยเหลือ โดยจับมือกันหลายพื้นที่ร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องขอเพิ่มปริมาณเปิดรับ-เพิ่มเพดานซื้อ
เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นัดหมายเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเพิ่มเติมพร้อมกัน โดยที่จังหวัดลำปาง กลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวโพดประมาณ 60 คน นำโดย นายบวรศักดิ์ ฟูสายมา ชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลขยายเพดานการเปิดรับจำนำจากเดิมที่มีมติ ครม.เมื่อ 30 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมาให้รับจากเกษตรกรคนละ 12 ตัน มูลค่าไม่เกินคนละ 1 แสนบาท เป็นไม่เกิน 40 ตันมูลค่าไม่เกิน 3.5 แสนบาท รวมถึงขอให้ชะลอการชำระหนี้ธนาคารไว้ก่อน นอกจากนั้นยังขอให้รับจำนำ ณ ยุ้งฉางของเกษตรกรซึ่งจะไม่ต้องขนย้ายออก ทั้งนี้ขอให้แจ้งผลพิจารณาภายใน 15 มกราคมนี้
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับกลุ่มผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่รวมกลุ่มประมาณ 1,000 คนในวันนี้ (13 ม.ค.) ที่หน้าสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ พร้อมๆ กับผู้ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเลย ซึ่งระดมมาจากอำเภอเมืองและอำเภอปากชม นัดชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลยในประเด็นเรียกร้องเดียวกัน
อนึ่ง รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประชุม ครม.เร่งด่วนหลังแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 เรื่อง โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/2552 เพิ่มเติมจากมติเดิมเพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องในหลายจังหวัดโดยมีรายละเอียดให้ขยายปริมาณการรับจำนำข้าวโพดจาก 500,000 ตันเป็น 750,000 ตัน ขยายระยะเวลารับจำนำจากเดือนธันวาคม 2551 เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ให้คงราคารับจำนำข้าวโพดชนิดเมล็ด ณ จุดรับจำนำกิโลกรัมละ 08.50 บาท (ความชื้นร้อยละ 14.5)
ครม.ยังเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวโพดในปี 2551/52 โดยในส่วนของวงเงินรับจำนำของเกษตรกรรายบุคคล ให้ปรับลดเหลือรายละไม่เกิน 100,000 บาท และเห็นชอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการรับจำนำใบประทวน วงเงิน 2,125 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนรับจำนำข้าวโพดวงเงิน 155 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากวงเงินกู้ยืมของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจำนวน 110,000 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายบริหารโครงการฯ วงเงิน 30.75 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นัดหมายเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเพิ่มเติมพร้อมกัน โดยที่จังหวัดลำปาง กลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวโพดประมาณ 60 คน นำโดย นายบวรศักดิ์ ฟูสายมา ชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลขยายเพดานการเปิดรับจำนำจากเดิมที่มีมติ ครม.เมื่อ 30 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมาให้รับจากเกษตรกรคนละ 12 ตัน มูลค่าไม่เกินคนละ 1 แสนบาท เป็นไม่เกิน 40 ตันมูลค่าไม่เกิน 3.5 แสนบาท รวมถึงขอให้ชะลอการชำระหนี้ธนาคารไว้ก่อน นอกจากนั้นยังขอให้รับจำนำ ณ ยุ้งฉางของเกษตรกรซึ่งจะไม่ต้องขนย้ายออก ทั้งนี้ขอให้แจ้งผลพิจารณาภายใน 15 มกราคมนี้
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับกลุ่มผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่รวมกลุ่มประมาณ 1,000 คนในวันนี้ (13 ม.ค.) ที่หน้าสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ พร้อมๆ กับผู้ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเลย ซึ่งระดมมาจากอำเภอเมืองและอำเภอปากชม นัดชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลยในประเด็นเรียกร้องเดียวกัน
อนึ่ง รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประชุม ครม.เร่งด่วนหลังแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 เรื่อง โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/2552 เพิ่มเติมจากมติเดิมเพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องในหลายจังหวัดโดยมีรายละเอียดให้ขยายปริมาณการรับจำนำข้าวโพดจาก 500,000 ตันเป็น 750,000 ตัน ขยายระยะเวลารับจำนำจากเดือนธันวาคม 2551 เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ให้คงราคารับจำนำข้าวโพดชนิดเมล็ด ณ จุดรับจำนำกิโลกรัมละ 08.50 บาท (ความชื้นร้อยละ 14.5)
ครม.ยังเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวโพดในปี 2551/52 โดยในส่วนของวงเงินรับจำนำของเกษตรกรรายบุคคล ให้ปรับลดเหลือรายละไม่เกิน 100,000 บาท และเห็นชอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการรับจำนำใบประทวน วงเงิน 2,125 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนรับจำนำข้าวโพดวงเงิน 155 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากวงเงินกู้ยืมของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจำนวน 110,000 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายบริหารโครงการฯ วงเงิน 30.75 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
