ลำปาง - เปิดใจแม่บ้านพันธมิตรฯ ภาคเหนือตอนบน หลังเสร็จสิ้นภารกิจร่วมชุมนุมใหญ่ในสงครามครั้งสุดท้าย ย้ำวันนี้ภารกิจยังไม่จบ ต้องเดินหน้าขยายเครือข่าย ดึง “คนเสื้อแดง” เพื่อนร่วมชาติ ให้หันมารัก “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” สร้างชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ร่วมสร้างอำนาจการตรวจสอบภาคประชาชน-ร่วมจับตานักการเมืองขี้ฉ้อ ทำให้เป็นรัฐบาลของประชาชนอย่างแท้จริง ยืนยันสิทธิ “เราเลือกเขาเข้าไปได้ เราก็ต้องเอาเขาลงได้”
นายสมโชค จันทร์ทอง เลขาธิการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือ ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนแม่บ้านของแกนนำพันธมิตรฯภาคเหนือและของจังหวัดลำปาง ได้นั่งพูดคุยอย่างสบายๆ กับผู้สื่อข่าว “ASTV ผู้จัดการ” หลังจากหยุดภารกิจร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมในกรุงเทพฯ กลับมาพักหายเหนื่อยที่ลำปางได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็เริ่มวางแผนเดินหน้า งานการเมืองต่อ
เขาบอกว่า ในช่วงที่พันธมิตรฯยุติการชุมนุมที่กรุงเทพฯ ก็รู้สึกเหงาบ้าง เพราะไม่ได้เจอพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เคยเห็นหน้ากันจำนวนมาก ได้พูดคุยได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ นานาร่วมกัน แต่เมื่อทุกอย่างยุติเราก็ยินดี ที่ประเทศของเราจะได้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม แต่ก็ต้องรอดูอีกครั้ง หลังจากทุกอย่างยุติลงตนเองก็ได้กลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว และพักการทำงานพันธมิตรฯ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยได้เดินทางไปร่วมรายการโทรทัศน์บ้าง วิทยุบ้าง และอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ไปคลุกคลีอยู่กับพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ แล้วกับมาอยู่ที่ลำปางได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ได้รับการกดดันจากไหนหรือไม่อย่างไร เพื่อนฝูงยังคบค้าเหมือนเดิมหรือไม่ ครอบครัวเป็นอย่างไร นายสมโชค บอกว่า หลังจากที่กลับมาอยู่ลำปาง เพื่อนฝูงที่ทราบข่าวก็โทรศัพท์สอบถาม และแสดงความยินดีกับชัยชนะของพวกเราอยู่ตลอดและให้กำลังใจ เพราะเห็นว่าตนทำงานด้านนี้เพื่อประเทศชาติ และพร้อมจะให้การสนับสนุน
ด้านผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ในสายงาน กฟผ.ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจการเข้าร่วมกิจกรรมของพันธมิตรฯอยู่แล้ว และตนเองก็ใช้สิทธิในการลางานถูกต้องตามระเบียบ ผู้ใหญ่ก็เลยไม่ได้กดดันอะไร ทุกอย่างถูกต้องหมดไม่มีปัญหา
ส่วนทางด้านครอบครัวก็ดีใจที่เราปลอดภัยกลับมา ก็ให้กำลังใจเสมอ ที่ผ่านมาไม่เคยห้ามเพราะเขาให้เกียรติในการเป็นผู้นำของเรา และเขาก็เชื่อว่าสิ่งที่เราตัดสินใจทำคือ สิ่งที่ถูกต้อง แล้วก็ไม่เคยห้ามและร่วมกิจกรรมด้วยเกือบทุกครั้งที่มีโอกาส
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเมื่อกลับมาที่ลำปางแล้ว นายสมโชค บอกว่า ตนและเพื่อนพันธมิตรฯ ที่เป็นแกนนำหลักๆ ก็ได้พูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ และพยายามบอกให้ระวังตัวเองไม่ว่าจะเป็นเวลาเดินทางไปไหนต่อไหนก็ต้องระวังตัว และให้คนในครอบครัวระวังตัวมากขึ้น เพราะในขณะนี้บ้านเมืองยังไม่สงบ รัฐบาลเดิมยังมีอำนาจในการสั่งการอยู่ เตือนทุกคนอย่าประมาท แต่ก็ไม่ได้ท้อถอยในการทำงานแต่อย่างใด
“หลังจากพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุม กลับมาลำปางเห็นการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะความสนใจด้านเหตุบ้านการเมือง หลายคนโทรศัพท์สอบถามความเคลื่อนไหวทางการเมืองกับผมมากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องคอยติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้ถ่ายทอดให้แก่คนอื่นๆ ได้”
สำหรับแนวทางในการเดินหน้าทางการเมืองภาคประชาชนของพันธมิตรฯ ภาคเหนือและลำปาง นายสมโชค กล่าวว่า ในขณะนี้ตนเองและแกนนำก็กำลังเฝ้าดูการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก่อนว่าจะเป็นใคร และแนวทางการทำงานของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร หากได้รัฐบาลแล้วเห็นว่ารัฐบาลไปได้ด้วยดี ก็จะระดมความคิดเห็นกันอีกครั้งเพื่อเริ่มงานการเมืองภาคประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ จะเน้นเรื่องการให้ความรู้ ขยายเครือข่ายไปยังกลุ่มอื่นๆที่ยังไม่เข้าใจการทำงานของพันธมิตรฯหรือยังเป็นกลางอยู่ จะได้รับรู้และเข้าใจพันธมิตรฯ มากขึ้น รวมถึงจะดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ความรู้โดยเชิญวิทยากรมาบรรยายหรือเสวนาให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลข้อมูล เพื่อให้รับรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเองให้มากขึ้น รู้จักการตรวจสอบผู้แทนของเราที่เลือกเข้าไปว่าได้ทำหน้าที่ครบถ้วนและทำงานตามเจตนารมณ์ของเราที่เลือกเข้าไปหรือไม่
“หากเราเลือก ส.ส.เข้าไปแล้ว กลับไปทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง เราก็ต้องเอาเขาลงมาได้ ประชาชนต้องรู้ในจุดนี้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นการเมืองก็จะวนเวียนกลับมาวงจรเดิม ไม่เดินหน้าไปไหน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสายตาของพันธมิตรฯเองต้องการได้รัฐบาลแบบไหน เขาบอกว่า แนวทางของพันธมิตรฯ ค่อนข้างชัดเจนว่า ต้องการรัฐบาลที่สังคมยอมรับ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การจัดสรรโควตา ครม.ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ความสามารถของคนด้วย ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เคร่งครัด ควบคู่ไปกับหลักรัฐศาสตร์ด้วย
สุดท้ายอยากฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ขอให้ทุกคนมีสติ ใช้สติให้มาก อย่าใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่คือ ช่วยกันทำให้คนกลุ่มเสื้อแดงหันกลับมารักชาติ ศาสนา เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนแต่ก่อนให้ได้ ซึ่งตนคิดว่าพันธมิตรฯต้องทำได้หากทุกคนยังคงมีอุดมการณ์แบบเดียวกัน รวมถึงสามารถขยายเครือข่ายออกไปสู่รากหญ้าได้ในอนาคต