นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีโอนเงินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านชุมชน หรือ SMLตามแนวปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ ระบุว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีที่มีผลสืบเนื่องมาจากรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโครงการแรกที่ใช้งบประมาณไม่ผ่านหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งเป็นโอนงบประมาณโครงการจากรัฐบาลไปสู่ประชาชน ผ่านธนาคารของรัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจนถึงขณะนี้มีการโอนงบประมาณให้กับประชาชนโดยตรงเกือบครบทั่วประเทศ 78,000 หมู่บ้านแล้ว ส่วนหมู่บ้านและประชาชนที่ยังไม่ได้ทำประชาคม ขอให้จังหวัดเร่งรัดทำให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนธันวาคมนี้ จะได้จัดสรรให้ครบต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า โครงการนี้โปร่งใส ไม่มีกลุ่มทุน หรือทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างแน่นอน เพราะใช้เงินภาษีของประชาชน และประชาชนได้รับประโยชน์เต็มที่ ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นโครงการประชานิยมนั้น ยอมรับ จะเรียกอะไรก็ได้ ตนไม่สนใจ ขอให้ประชาชนได้รับประโยชน์เพียงเท่านั้น
ส่วนปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เพราะเรื่องความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญกว่า และรัฐบาลอยู่ได้เพราะประชาชน ไม่ใช่เพียงคน 2-3 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหากรณีพาสปอร์ตแดงของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการชัดเจน โดยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวผู้เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ คือ เรื่องทำมาหากินของประชาชน ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า เรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของคนเดียว แต่อาจเป็นเรื่องใหญ่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่เกี่ยวกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกองทุนช่วยเหลือแรงงานที่จะนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (11 พ.ย.) ว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ เช่น โครงการ SML ก็เป็นการส่งเสริมอาชีพในท้องถิ่น หากแรงงานตกงานก็จะสามารถกลับไปทำมาหากินที่บ้านเกิดได้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า โครงการนี้โปร่งใส ไม่มีกลุ่มทุน หรือทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างแน่นอน เพราะใช้เงินภาษีของประชาชน และประชาชนได้รับประโยชน์เต็มที่ ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นโครงการประชานิยมนั้น ยอมรับ จะเรียกอะไรก็ได้ ตนไม่สนใจ ขอให้ประชาชนได้รับประโยชน์เพียงเท่านั้น
ส่วนปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เพราะเรื่องความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญกว่า และรัฐบาลอยู่ได้เพราะประชาชน ไม่ใช่เพียงคน 2-3 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหากรณีพาสปอร์ตแดงของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการชัดเจน โดยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวผู้เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ คือ เรื่องทำมาหากินของประชาชน ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า เรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของคนเดียว แต่อาจเป็นเรื่องใหญ่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่เกี่ยวกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกองทุนช่วยเหลือแรงงานที่จะนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (11 พ.ย.) ว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ เช่น โครงการ SML ก็เป็นการส่งเสริมอาชีพในท้องถิ่น หากแรงงานตกงานก็จะสามารถกลับไปทำมาหากินที่บ้านเกิดได้