ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์ประณามพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวสร้างมิคสัญญี มุ่งชักนำอำนาจนอกระบบเข้ามามาจัดการปัญหา ชี้ “หมอประเวศ” และ กก.สิทธิมนุษยชนฯ มีส่วนหนุนหลังการเคลื่อนไหวนำสังคมไทยเข้าสู่หายนะต้องแสดงความรับผิดชอบ พร้อมตำหนิ “TPBS”เอียงเข้าข้างพันธมิตรฯ ชวน “พลังเงียบ” ร่วมจุดเทียนตลอดคืนเรียกร้องสันติกลับคืนโดยปราศจากการใช้ความรุนแรง
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ร่วมกันอ่านแถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เรื่อง “ประณามการร่วมสร้างภาวะมิคสัญญีในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ”
เนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เป็นที่ชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย มีเป้าหมายสำคัญเพื่อนำไปสู่การดึงอำนาจนอกระบบเข้ามาเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหา ดังเห็นได้จากการเคลื่อนไหวแบบสุ่มเสี่ยง การเข้ายึดสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบและความเสียหายที่จะตามมา ซึ่งทั้งหมดกำลังนำพาสังคมไทยไปสู่ความหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในห้วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา สามารถดำรงอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงการระดมผู้คนเข้าร่วมโดยแกนนำพันธมิตรฯ เท่านั้น ส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญเป็นผลมาจากการสนับสนุนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในความหายนะที่จะเกิดขึ้นมาจากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ โดยมีบุคคลและองค์กรที่มีบทบาทสำคัญดังต่อไปนี้
1.ปัญญาชนสาธารณะและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เช่น นายแพทย์ประเวศ วะสี(ราษฎรอาวุโส) ,คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีบทบาทต่อการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ รวมทั้งบรรดานักวิชาการและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ที่ได้ช่วยให้เกิดกระบวนการพันธมิตรฯ ขึ้น แม้เห็นได้ชัดว่ามิใช่การเคลื่อนไหวในลักษณะของอารยะขัดขืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคมประชาธิปไตย
2.ส.ว.กลุ่ม 40 และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งได้เข้าร่วมอย่างแข็งขันทั้งการเข้าร่วมปราศรัย การให้สัมภาษณ์สนับสนุนแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ โดยทั้งนี้เพื่อมุ่งประโยชน์ของตนมากกว่าประโยชน์ของบ้านเมืองและการสร้างระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรมในระยะยาว
3.สื่อมวลชนที่ไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งรวมถึงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ได้เสนอข่าวที่เป็นด้านบวกสนับสนุนพันธมิตรฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ได้เป็นการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจอย่างรอบด้านแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ดำเนินการโดยภาษีของประชาชนทั้งหมด
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เรียกร้องบุคคลและองค์กรดังกล่าวได้แสดงความรับผิดชอบต่อความหายนะที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย ในฐานะที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนและค้ำยันการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ด้วยการยอมรับความผิดพลาด และแสดงความเห็นวิจารณ์ต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตรวจสอบและหยุดยั้งการกระทำรุนแรงของแกนนำพันธมิตรฯ ที่กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นอันตรายต่อสังคม ที่กำลังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายสำคัญ เพื่อให้สังคมไทยหลุดพ้นไปจากภาวะมิคสัญญีที่ไร้ขื่อแป และสร้างสังคมประชาธิปไตยที่การแสดงความคิดเห็น และการเคลื่อนไหวต่างๆ ดำเนินไปบนหลักนิติธรรมและการเคารพต่อสังคมโดยรวม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย กล่าวว่า ถึงเวลานี้อยากเรียกร้องให้ผู้ที่สนับสนุนพันธมิตรฯ โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นเสาหลักของสังคมมาตลอด ได้ถอยออกมาแล้ววิจารณ์พันธมิตรฯ พร้อมทั้งอยากเรียกร้องให้สังคมร่วมกันแสดงพลัง ที่จะช่วยกำกับไม่ให้พันธมิตรฯ ทำสิ่งที่เลวร้ายมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มพลังเงียบที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเบื้องต้นอยากให้มีการแสดงสัญลักษณ์ด้วยการจุดเทียนตลอดทั้งคืนเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังเงียบที่ต้องการให้สังคมไทยกลับคืนสู่ภาวะสันติโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน อธิบการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากจะมีการใช้ความรุนแรงเข้าปราบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ รวมทั้งการใช้ความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามพันธมิตรฯ ในการเข้าปะทะตอบโต้กัน เพราะจะทำให้เกิดผลตามที่พันธมิตรฯ ต้องการ กล่าวคือมีดึงเอาอำนาจนอกระบบเข้ามาใช้ในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เห็นว่าเจ้าหน้าที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้กรอบที่สามารถทำได้เข้าจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยฝ่ายใดก็ตาม
ในส่วนของการทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสและเอ็นบีที ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย กล่าวว่า จากการติดตามการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเชื่อว่าผู้บริหารสถานีโทรทัศน์แห่งนี้น่าจะมีใจให้กับพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในการทำหน้าที่สื่อสารมวลชน แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าการทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีก็มีความเอนเอียงให้อีกฝ่ายหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเห็นว่าการทำหน้าที่ในลักษณะดังกล่าวจะต้องถูกตรวจสอบ และรับผิดชอบกับการทำให้เกิดผลเสียขึ้นกับสังคมไทย
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ร่วมกันอ่านแถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เรื่อง “ประณามการร่วมสร้างภาวะมิคสัญญีในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ”
เนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เป็นที่ชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย มีเป้าหมายสำคัญเพื่อนำไปสู่การดึงอำนาจนอกระบบเข้ามาเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหา ดังเห็นได้จากการเคลื่อนไหวแบบสุ่มเสี่ยง การเข้ายึดสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบและความเสียหายที่จะตามมา ซึ่งทั้งหมดกำลังนำพาสังคมไทยไปสู่ความหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในห้วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา สามารถดำรงอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงการระดมผู้คนเข้าร่วมโดยแกนนำพันธมิตรฯ เท่านั้น ส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญเป็นผลมาจากการสนับสนุนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในความหายนะที่จะเกิดขึ้นมาจากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ โดยมีบุคคลและองค์กรที่มีบทบาทสำคัญดังต่อไปนี้
1.ปัญญาชนสาธารณะและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เช่น นายแพทย์ประเวศ วะสี(ราษฎรอาวุโส) ,คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีบทบาทต่อการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ รวมทั้งบรรดานักวิชาการและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ที่ได้ช่วยให้เกิดกระบวนการพันธมิตรฯ ขึ้น แม้เห็นได้ชัดว่ามิใช่การเคลื่อนไหวในลักษณะของอารยะขัดขืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคมประชาธิปไตย
2.ส.ว.กลุ่ม 40 และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งได้เข้าร่วมอย่างแข็งขันทั้งการเข้าร่วมปราศรัย การให้สัมภาษณ์สนับสนุนแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ โดยทั้งนี้เพื่อมุ่งประโยชน์ของตนมากกว่าประโยชน์ของบ้านเมืองและการสร้างระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรมในระยะยาว
3.สื่อมวลชนที่ไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งรวมถึงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ได้เสนอข่าวที่เป็นด้านบวกสนับสนุนพันธมิตรฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางการเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ได้เป็นการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจอย่างรอบด้านแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ดำเนินการโดยภาษีของประชาชนทั้งหมด
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เรียกร้องบุคคลและองค์กรดังกล่าวได้แสดงความรับผิดชอบต่อความหายนะที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย ในฐานะที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนและค้ำยันการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ด้วยการยอมรับความผิดพลาด และแสดงความเห็นวิจารณ์ต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตรวจสอบและหยุดยั้งการกระทำรุนแรงของแกนนำพันธมิตรฯ ที่กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นอันตรายต่อสังคม ที่กำลังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายสำคัญ เพื่อให้สังคมไทยหลุดพ้นไปจากภาวะมิคสัญญีที่ไร้ขื่อแป และสร้างสังคมประชาธิปไตยที่การแสดงความคิดเห็น และการเคลื่อนไหวต่างๆ ดำเนินไปบนหลักนิติธรรมและการเคารพต่อสังคมโดยรวม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย กล่าวว่า ถึงเวลานี้อยากเรียกร้องให้ผู้ที่สนับสนุนพันธมิตรฯ โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นเสาหลักของสังคมมาตลอด ได้ถอยออกมาแล้ววิจารณ์พันธมิตรฯ พร้อมทั้งอยากเรียกร้องให้สังคมร่วมกันแสดงพลัง ที่จะช่วยกำกับไม่ให้พันธมิตรฯ ทำสิ่งที่เลวร้ายมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มพลังเงียบที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเบื้องต้นอยากให้มีการแสดงสัญลักษณ์ด้วยการจุดเทียนตลอดทั้งคืนเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังเงียบที่ต้องการให้สังคมไทยกลับคืนสู่ภาวะสันติโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน อธิบการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากจะมีการใช้ความรุนแรงเข้าปราบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ รวมทั้งการใช้ความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามพันธมิตรฯ ในการเข้าปะทะตอบโต้กัน เพราะจะทำให้เกิดผลตามที่พันธมิตรฯ ต้องการ กล่าวคือมีดึงเอาอำนาจนอกระบบเข้ามาใช้ในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เห็นว่าเจ้าหน้าที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้กรอบที่สามารถทำได้เข้าจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยฝ่ายใดก็ตาม
ในส่วนของการทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสและเอ็นบีที ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย กล่าวว่า จากการติดตามการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเชื่อว่าผู้บริหารสถานีโทรทัศน์แห่งนี้น่าจะมีใจให้กับพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในการทำหน้าที่สื่อสารมวลชน แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าการทำหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีก็มีความเอนเอียงให้อีกฝ่ายหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเห็นว่าการทำหน้าที่ในลักษณะดังกล่าวจะต้องถูกตรวจสอบ และรับผิดชอบกับการทำให้เกิดผลเสียขึ้นกับสังคมไทย