xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ”ชำแหละม.ราชภัฎผลาญงบฯเอื้อนายทุน-ย้ำพธม.ระดมพลใหญ่สู้ม้วนเดียวจบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เสวนา มีการจัดเสวนา“อนาคตความอยู่รอดของมหาวิทยาลัยราชภัฎ” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 21 พ.ย.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ชี้การศึกษาไทยล้มเหลวเป็นโศกนาฏกรรมของประเทศ เหตุมุ่งปริมาณไร้คุณภาพเย็นชาต่อปัญหาชาติบ้านเมือง ชำแหละม.ราชภัฏผลาญงบฯ แข่งขยายวิทยาเขตรับนักศึกษาและผุดหอพักหาผลประโยชน์เอื้อนายทุน-กินส่วนแบ่งค่าก่อสร้าง เตือนผู้บริหาร-“สุวัจน์” นายกสภาฯ ม.ราชภัฎโคราชหยุดแผนร้ายแบกภาระหนี้หอพักกว่า 100 ล้านแทนนายทุน ย้ำพธม.ระดมพลชุมนุมใหญ่ 23 พ.ย. ต่อสู้ม้วนเดียวจบ ชี้สถานการณ์สุดแหลมคม “ทักษิณ” ใช้ยุทธการแยกกันตีเตรียมส่ง “พจมาน” เข้าประเทศมาคุมเกมการเมืองตั้งป้อมสู้พันธมิตรฯด้วยตัวเอง เชื่อเดือน ธ.ค.ทุกอย่างจบเป็นยกสุดท้ายอย่างแท้จริง

ช่วงบ่ายวานนี้ (21 พ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีการจัดเสวนาเรื่อง “อนาคตความอยู่รอดของมหาวิทยาลัยราชภัฎ” ขึ้นโดยมีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ส.ส. ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) , ผศ.ปรีชา คล้ามพักตร์ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร เป็นวิทยากรเสวนา ซึ่งได้รับความสนใจจากบรรดาคณาจารย์ นักศึกษา และ พ่อค้าประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาเข้ารับฟังจำนวนกว่า 600 คน

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า ประเทศไทยทุ่มเททรัพยากรและงบประมาณทางด้านการศึกษาสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ แต่ไทยประสบความล้มเหลวทางด้านการศึกษา และคุณภาพนักเรียนนักศึกษาอยู่ในระดับต่ำ เพราะครู คณาจารย์จำนวนมากที่มีอยู่ทั่วประเทศมุ่งแต่ทำผลงานทางวิชาการ เรียนปริญญาโท ปริญญาเอก เต็มไปหมดเพื่อต้องการเลื่อนวิทยฐานะมุ่งหวังค่าตอบแทนเป็นสำคัญ ซึ่งถือเป็นโศกนาฏกรรมทางการศึกษาของไทย
โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยราชภัฎ ที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 185 แห่ง มีนักศึกษาทั้งหมดกว่า 2 ล้านคน คณาจารย์ราว 4 หมื่นคน ซึ่งเกือบทั้งหมดเย็นชาไม่เคยยินดียินร้าย กับความทุกข์ร้อนของประชาชน ปล่อยภาระความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองอันหนักอึ้งให้เป็นของประชาชนเผชิญชะตากรรมกันเอง นับเป็นโศกนาฏกรรมของประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งมหาวิทยาลัย และคณาจารย์เหล่านี้ถือได้ว่าได้ตายไปจากประชาชนหมดแล้ว มีเพียงคณาจารย์ และนักศึกษาบางส่วนเท่านั้นยังไม่ตายและยืนอยู่กับประชาชน

มหาวิทยาลัยราชภัฏ ส่วนใหญ่ต่างแข่งขันกันเปิดศูนย์ขยายวิทยาเขตไปทุกแห่งหน ใช้งบประมาณจำนวนมากในการเช่าอาคาร ตกแต่งตึกเรียน ไม่เว้นแม้แต่ตึกร้าง โรงแรมล้มละลายของเอกชน โดยไม่ได้มุ่งที่คุณภาพการศึกษาของผู้มาเรียน แต่มุ่งไปที่ปริมาณของนักศึกษาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น และไม่ยอมเพิ่มอัตราข้าราชการ ครูอาจารย์ที่ทำงานอยู่จำนวนมากล้วนเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่ไม่มีหลักประกันอะไร คนเหล่านี้น่าสงสาร และควรได้รับการดูแลให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งเรื่องสวัสดิการต่างๆ และพวกเขาควรจะได้มีโอกาสเลื่อนขึ้นเป็นข้าราชการบ้าง

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากอีกเรื่องหนึ่งคือ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ ได้มีการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายลงทุนไปกับสิ่งพะรุงพะรังที่ไม่จำเป็น ทำให้มหาวิทยาลัยไม่มีเงินคงคลังเหลือและประสบปัญหาติดหนี้เป็นจำนวนมหาศาล เรียกว่าพวก “มหาวิทยาลัยคิดสั้น” อย่างเช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งในภาคอีสาน รวมทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผู้บริหารได้ทุ่มเงินนับร้อยล้านบาทไปสร้างหอพักนักศึกษาในรูปแบบร่วมทุนกับเอกชน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนและหวังส่วนแบ่งจากงบประมาณก่อสร้าง แล้วบังคับให้นักศึกษาเข้าพักและคิดค่าเช่าอัตราก้าวหน้ากับนักศึกษา แต่เมื่อมีการฟ้องศาลปกครอง ศาลให้การคุ้มครองไม่สามารถบังคับนักศึกษาได้ และมีมหาวิทยาลัยบางแห่งทำการจ่ายเงินให้กับเอกชนที่ร่วมทุนแล้วโอนหนี้รับความเสี่ยงมาเป็นของมหาวิทยาลัยทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการสร้างความเสียหายให้มหาวิทยาลัยอย่างมาก

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นั้น ตนเคยพูดไว้เมื่อครั้งเป็นประธานสภาคณาจารย์แล้ว ว่า โครงการก่อสร้างหอพักนักศึกษาจะเป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้จมลงดิน ดังนั้นจึงขออนุญาตได้แสดงความห่วงใยและเรียกร้องไปยัง อธิการบดี และ นายสุวัจน์ ลิปพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ขอจงได้ยุติการดำเนินการโอนหนี้ส่วนของเอกชนที่ร่วมทุนสร้างหอพักนักศึกษากว่า 100 ล้านบาทมาเป็นภาระให้มหาวิทยาลัยแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ในเมื่อมีปัญหาเอกชนก็ต้องรับความเสี่ยงร่วมกัน ซึ่งการทำให้มหาวิทยาลัยได้รับความเสียหายนั้นเข้าข่ายความผิดอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่ผู้บริหารและสภามหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบ

นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวต่อสู้ ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งนัดระดมพลชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกรและหยุดสภาฯทาส ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ว่า จะเป็นเหตุการณ์ม้วนเดียวจบแต่อาจจะเป็นม้วนยาวหน่อย และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ค่อนข้างเป็นแบบพลวัตหรือดาวกระจายขนานใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตรกร และหยุดสภาทาสให้ได้ โดยในวันที่ 24 พ.ย. นี้พันธมิตรฯส่วนหนึ่งจะบุกไปที่รัฐสภา โดยปิดล้อมไม่ให้มีการนำญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งล่าสุดทราบว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าจะไม่นำวาระดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา แต่พันธมิตรฯ ยังยืนหยัดเป้าหมายเดิม ทั้งนี้เพื่อหยุดสภาฯทาสไม่ให้ทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาญัตติเรื่องใด ๆ ก็ตาม

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า การออกแบบต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับระบอบทักษิณ จากนี้ไปจะแหลมคมและร้อนแรงมาก เพราะคาดว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร หรือ นางสิงห์ร้าย จะเข้ามาคุมเกมการเมืองในประเทศด้วยตัวเองและหวังเป็นสตรีคนแรกที่จะขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งของประเทศไทย ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รับหน้าที่ผิดชอบงานการเมืองในต่างประเทศ ที่เรียกว่า “โลกล้อมประเทศ” ขณะที่คุณหญิงพจมานจะร่วมกับกลุ่มบริวารระดับแกนนำในประเทศใช้ยุทธการ “ชนบทล้อมเมือง” แบบแยกกันตีคนละจุด โดยใช้ประชาชนในชนบทหรือต่างจังหวัดเป็นเครื่องมือลุกขึ้นมาต่อต้านพันธมิตรฯ ซึ่งการสร้างพลังมวลชนระดับล่างในชนบทนั้นพันธมิตรฯ ตกเป็นรอง หากคุณหญิงพจมาน กับพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกจับติดคุก คนในชนบทก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ศาลกลั่นแกล้ง” ทันที

วันนี้ยอมรับว่าพันธมิตรฯ ครองใจคนชั้นกลางได้กว่า 50% แต่คนในชนบทครองใจได้เพียงไม่ถึง 10 % เท่านั้น ดังนั้นการที่จะแก้จุดอ่อนนี้ได้มีเพียงสถาบันการศึกษา นักวิชาการ มหาวิทยาลัยต่างๆ จะต้องช่วยกันรณรงค์ และขยายข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนในชนบทได้รับทราบข้อเท็จจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดเวทีปราศรัย หรือ กระจายจานดาวเทียมรับสัญญาณเอเอสทีวีไปยังชนบทให้มากที่สุด และอย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับทรราชอย่างเด็ดขาด

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การต่อสู้กันในขณะนี้เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างฝ่ายรัฐบาล ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ บงการ กับฝ่ายพันธมิตรฯ ซึ่งทราบว่า ทักษิณได้เริ่มส่งสัญญาณการยุบสภาฯมายังรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แล้วเพื่อหวังโกยที่นั่งส.ส.เข้ามายึดประเทศไทยเบ็ดเสร็จจากการเลือกตั้งครั้งใหม่

อย่างไรก็ตามหากเป็นเช่นนั้นระหว่างรอให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน ยังมีคดียุบพรรคการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลอาจถูกยุบหมดและเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ได้ เหลือแต่วุฒิสภาที่ทำงานได้ จะนำไปสู่การกราบบังคมทูลให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และเป็นคนกล้าหาญทำเพื่อชาติบ้านเมือง ใครเลวจัดการให้หมด เรื่องก็จะจบ

“ถ้าเป็นไปตามนี้พันธมิตรฯ ก็ออกจากทำเนียบ ดังนั้นเชื่อว่าเดือนธันวาคมนี้จะเป็นการออกแบบการต่อสู้ทางการเมืองยกสุดท้ายอย่างแท้จริง ทุกอย่างจะเรียบร้อยทั้งหมด” นายสมเกียรติ กล่าว




ผศ.ดร.สามารถ จับโจร และ ผศ.ปรีชา คล้ามพักตร์

กำลังโหลดความคิดเห็น