ระยอง – ประธานสภาอุตสาหกรรมระยองเตือนอุตสาหกรรมรีบปรับตัว รับมือผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า
นายสุวิทย์ ชื่นปิยะวาจา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์พิษเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน เริ่มส่งผลกระทบภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองบ้างแล้ว โดยเฉพาะในจังหวัดระยอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในจังหวัดระยอง ที่ส่งออกถึงร้อยละ 60 – 70 และส่วนที่เหลือก็ใช้ในภายประเทศ เกิดภาวะตลาดหดตัว กำลังซื้อน้อยลง ผู้ประกอบการต้องแย่งกันขายสินค้า เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าเดียวกัน ปัจจุบันที่ยังขายได้ก็เป็นคำสั่งซื้อเก่าๆ ที่ค้างอยู่ ต้องมีการปรับแผนเตรียมตัวรับผลกระทบจากพิษของเศรษฐกิจโลกในปีหน้านี้ มีการปรับกลยุทธ์การบริหารใหม่หมด
รวมทั้งการลดกำลังการผลิต ที่จะมีการผลิตเฉพาะที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเท่านั้น ไม่จะมีการผลิตสินค้าคงคลังเหมือนในอดีต ส่วนพนักงานในช่วงนี้ก็ยังให้ทำงานตามปกติ ยังไม่มีการปรับลดพนักงานแต่อย่างไร คงมีแต่การปรับลดชั่วโมงการทำงานให้น้อยลง ส่งผลให้มีการจ่ายค่าล่วงเวลาน้อยลง ลดค่าใช้จ่ายหรือโครงการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นทุกอย่างทิ้งไป เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตหรือรายจ่ายของโรงงาน อีกทั้งยังต้องมีการปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ให้ได้ขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เพื่อความอยู่รอดของโรงงาน แม้ในช่วงนี้อาจจะขาดทุนบ้างก็ต้องยอม โดยช่วงระยะเวลาที่จะได้รับผลกระทบคงไม่น้อยกว่า 2 ปี
นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ที่ทางผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ต้องรีบดำเนินการในช่วงนี้คือ การหาตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตะวันออกกลาง หรือกลุ่มทางทวีปอัฟริกา เนื่องจากตลาดลูกค้าเก่าทั้งสหรัฐอเมริกา จีนหรือยุโรป เริ่มประสบปัญหา และเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกัน จึงต้องมีการหากลุ่มลูกค้าใหม่มาทดแทนและใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง สร้างภูมิคุ้มกันให้กับโรงงานของตนเอง สิ่งที่น่าห่วงคือ อุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต่างประเทศเริ่มประสบปัญหาแล้ว
"อย่างไรก็ตาม มาตรการที่อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงดังกล่าวนี้ รัฐบาลต้องรีบคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้เร็วกว่าปกติ โดยในส่วนสถาบันการเงินควรมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าในระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมทั้งรัฐต้องเร่งดำเนินการเรื่องเมกะโปรเจกต์ต่างๆ โดยเร็ว เพื่อจะได้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ" ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง กล่าว
นายสุวิทย์ ชื่นปิยะวาจา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์พิษเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน เริ่มส่งผลกระทบภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองบ้างแล้ว โดยเฉพาะในจังหวัดระยอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในจังหวัดระยอง ที่ส่งออกถึงร้อยละ 60 – 70 และส่วนที่เหลือก็ใช้ในภายประเทศ เกิดภาวะตลาดหดตัว กำลังซื้อน้อยลง ผู้ประกอบการต้องแย่งกันขายสินค้า เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าเดียวกัน ปัจจุบันที่ยังขายได้ก็เป็นคำสั่งซื้อเก่าๆ ที่ค้างอยู่ ต้องมีการปรับแผนเตรียมตัวรับผลกระทบจากพิษของเศรษฐกิจโลกในปีหน้านี้ มีการปรับกลยุทธ์การบริหารใหม่หมด
รวมทั้งการลดกำลังการผลิต ที่จะมีการผลิตเฉพาะที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเท่านั้น ไม่จะมีการผลิตสินค้าคงคลังเหมือนในอดีต ส่วนพนักงานในช่วงนี้ก็ยังให้ทำงานตามปกติ ยังไม่มีการปรับลดพนักงานแต่อย่างไร คงมีแต่การปรับลดชั่วโมงการทำงานให้น้อยลง ส่งผลให้มีการจ่ายค่าล่วงเวลาน้อยลง ลดค่าใช้จ่ายหรือโครงการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นทุกอย่างทิ้งไป เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตหรือรายจ่ายของโรงงาน อีกทั้งยังต้องมีการปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ให้ได้ขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เพื่อความอยู่รอดของโรงงาน แม้ในช่วงนี้อาจจะขาดทุนบ้างก็ต้องยอม โดยช่วงระยะเวลาที่จะได้รับผลกระทบคงไม่น้อยกว่า 2 ปี
นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์ที่ทางผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ต้องรีบดำเนินการในช่วงนี้คือ การหาตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตะวันออกกลาง หรือกลุ่มทางทวีปอัฟริกา เนื่องจากตลาดลูกค้าเก่าทั้งสหรัฐอเมริกา จีนหรือยุโรป เริ่มประสบปัญหา และเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกัน จึงต้องมีการหากลุ่มลูกค้าใหม่มาทดแทนและใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง สร้างภูมิคุ้มกันให้กับโรงงานของตนเอง สิ่งที่น่าห่วงคือ อุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต่างประเทศเริ่มประสบปัญหาแล้ว
"อย่างไรก็ตาม มาตรการที่อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงดังกล่าวนี้ รัฐบาลต้องรีบคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้เร็วกว่าปกติ โดยในส่วนสถาบันการเงินควรมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าในระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมทั้งรัฐต้องเร่งดำเนินการเรื่องเมกะโปรเจกต์ต่างๆ โดยเร็ว เพื่อจะได้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ" ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง กล่าว
