ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – ชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงกว่า 5,000 คน หลั่งไหลร่วมเวที “การเมืองใหม่ สร้างด้วยมือประชาชน” และไว้อาลัยวีรชนคนกล้า 7 ตุลาทมิฬ เผย “สำราญ รอดเพชร” แกนนำรุ่น 2 ยกทีมจัดรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ร่วมกับ “ประพันธ์-พิเชฐ” ท่ามกลางสายฝน ส่วน “ไชยวัฒน์” นำจุดเทียนชัยสดุดีไว้อาลัยวีรชนคนกล้า 7 ตุลาฯ พร้อมร้องเพลง “เทียนแห่งธรรม” กระหึ่มเมืองย่าโม แฉเป้าหมายระดมเสื้อแดงเข้ากรุง 1 พ.ย.เพื่อก่อจลาจลล้มสถาบันฯ ด้าน “สมเกียรติ” ชี้ 3 แนวรบหลักประชาชนกู้ชาติ แย้มการต่อสู้จะจบลงก่อน 5 ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนที่ผ่านที่ผ่านมา (29 ต.ค.) ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น. ที่บริเวณลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ชุมพล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ประชาชนชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง เช่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ชัยภูมิ และ จ.ขอนแก่น กว่า 5,000 คน ได้พากันหลั่งไหลเข้าร่วมชุมนุมฟังการปราศรัย “การเมืองใหม่ สร้างด้วยมือประชาชน และไว้อาลัยวีรชนคนกล้า 7 ตุลาฯ” ที่กลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตยและองค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.นครราชสีมาจัดขึ้นอย่างคึกคัก ส่งเสียงมือตบดั่งสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมืองโคราช
ทั้งนี้ กิจกรรมบนเวทีได้มีแกนนำเครือข่ายพันธิมตรฯ และนักวิชาการ ทั้งในระดับจังหวัดและประเทศ ขึ้นเวทีปราศรัยสลับกับแสดงดนตรีอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก นายศรีเมือง วัฒนาชีพ แกนนำเครือข่ายพลังแผ่นดินบุรีรัมย์ ,ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา, นายสาทร สินปุ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา, ดร.ทวิช จิตสมบูรณ์ นักวิชการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.),ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด
จากนั้น เป็นการจัดรายการสภาท่าพระอาทิตย์สัญจร โดย นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ร่วม กับ นายประพันธุ์ คูณมี และนายพิเชฐ พัฒนาโชติ อดีต ส.ว. ลากไส้ความชั่วร้ายของรัฐบาลน้องเขยแม้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และระบอบทักษิณ ที่อยู่เบื้องหลังการเข่นฆ่าประชาชน และพยายามแทรกแซงกระบวนตุลาการ ทำลายทำร้ายสถาบันสูงสุด พร้อมร่วมกันเสนอทิศทางการเมืองใหม่กับทางออกวิกฤติประเทศไทย ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาแต่ผู้ชุมนุมทุกคนยืนหยัดสู้ไม่มีถอยกลับบ้าน
ต่อมา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ได้ขึ้นเป็นประธานประกอบพิธีจุดเทียนชัยพร้อมร้องเพลง “เทียนแห่งธรรม” ร่วมกับผู้มาชุมนุมกว่า 5,000 คน เสียงดังกระฮึ่มไปทั่วบริเวณ และกล่าวสดุดีไว้อาลัยวีรชนคนกล้าที่เสียชีวิตเหตุการณ์สลายการชุมนุมอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนของรัฐบาลทรราชฆาตกร พร้อมร่วมกันยืนสงบนิ่งไว้อาลัย
นายไชยวัฒน์ ปราศรัยเปิดเบื้องหลังถูกรัฐตำรวจจงใจกลั่นแกล้งจับกุมเข้าคุมขังในข้อกบฏ พร้อมระบุว่า เป้าหมายหลักของการระดมคนเสื้อแดงเข้าไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่น ถึง 1 แสนคนในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เป็นการหลอกลวงว่าจ้างประชาชนทั่วประเทศให้เข้าชุมนุมเดินขบวนให้เกิดการจลาจลขึ้นในกรุงเทพฯ เพื่อล้มสถาบันสูงสุดและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นประชาชนต้องรู้เท่าทัน หากใครมาว่าจ้างด้วยเงินเท่าไรก็ให้รับไว้หมดแต่เราไม่เดินทางเข้าไปเป็นเครื่องมือให้เขาอย่างเด็ดขาด
เวลาประมาณ 22.00 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธิมตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเรื่องการเมืองใหม่ประเทศไทยใหม่ ระบุว่า แนวรบที่จะนำไปสู่ชัยชนะของประชาชนที่ออกมาต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในขณะนี้มีอยู่ 3 แนวรบหลัก ๆ คือ
1.แนวรบด้านตุลาการและศาล ซึ่งได้ตัดสินคดีที่สำคัญชี้ชะตาบรรดานักการเมืองและระบอบทักษิณ ไปแล้วหลายคดีและมีอีกหลายคดีสำคัญที่จะเข้าสู่การตัดสินอีกอย่างต่อเนื่องในเร็วๆ นี้ ทั้งคดียุบพรรคการเมือง,คดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว
2.แนวรบด้านสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่ออกมาคลี่คลายสถานณ์วิกฤติสำคัญๆ ของชาติได้ทุกครั้ง เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ,พฤษภาทมิฬ แต่ขณะนี้สถาบันกษัตริย์ของไทยตกอยู่ในภาวะอันตรายยิ่ง
และ 3.แนวรบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือเป็นแนวรบหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่งมากในขณะนี้ เพราะมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะรักษาประเทศไทยไว้ได้ ส่วนแนวรบตุลาการ นั้นอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น แต่ยังอยู่ในขั้นไม่ปลอดภัย
“ดังนั้น ในช่วง 1-2 เดือนนี้ ประชาชนทุกคนต้องจับตาติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองอย่าได้กระพริบตาแม้แต่น้อย เพราะเมื่อประเมินสถานการณ์โดยรวมรอบด้าน โดยเฉพาะคดีต่างๆ ที่จะเข้าการพิจารณาตัดสินของศาลแล้ว ทุกอย่างจะจบลงไม่เกิน 5 ธันวาคมนี้ และอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล หรือรัฐบาลเฉพาะกิจ ส่วนทักษิณ ไม่ได้กลับประเทศไทยแน่ คงต้องหลีภัยไปยาวนาน” นายสมเกียรติ กล่าว