เชียงราย - แกนนำกลุ่มต่อต้านท่าทรายเอกชนถูกโทรศัพท์ข่มขู่หมายเอาชีวิต นอภ.เมืองเชียงราย รับท่าทรายเจ้าปัญหาชาวบ้านไม่เอา จี้เทศบาลฯจัดการตามขั้นตอนด่วน
จากกรณีกลุ่มราษฎรชุมชนบ้านฮ่องลี่ หมู่ที่ 2 เขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย รวมตัวต่อต้านท่าทรายเอกชน ว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริเวณริมฝั่งแม่น้ำกก ช่วงหาดพัทยาเชียงราย จนเกิดการไหลเปลี่ยนทิศทางของน้ำ แนวตลิ่งพังทลาย รวมทั้งยังมีการลักไก่ของนายทุน ขยายแนวเขตการดูดทรายโดยไม่มีการขออนุญาต ซึ่งต่อมามีการเข้าขอทำประชาพิจารณ์ในท้องถิ่น เพื่อเตรียมเข้ามาต่อสัมปทานทำการดูดทรายในปี 2552 แต่ชาวบ้านคัดค้านไม่เห็นด้วยนั้น
ล่าสุด แกนนำที่ออกมาต่อต้านได้ถูกกลุ่มบุคคลลึกลับใช้โทรศัพท์ข่มขู่หมายเอาชีวิตหลายคน ทำให้แกนนำชาวบ้านหลายคน โดยเฉพาะนายสมโชค กุมารจันทร์ ประธานชุมชนบ้านฮ่องลี่ เกิดความหวาดผวา เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต ได้พากันเก็บตัวเงียบ ยุติการเคลื่อนไหวต่อต้านชั่วคราว
โดยแกนนำต่อต้านท่าทรายดังเหล่านี้ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการข่มขู่เกิดขึ้น จึงคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่กล้าที่จะเปิดตัวเปิดชื่อในข่าวอีก ซึ่งไม่รู้จะไปเรียกร้องให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือแก้ไข หลังจากที่มีการข่มขู่หมายเอาชีวิตไปแล้ว ปรากฏว่านายทุนก็ยังดำเนินการดูดทรายไปตามปกติ ไม่เกรงกลัวหรือสนใจในมติประชาพิจารณ์ของท้องถิ่น ที่ไม่ต้องการให้มีการดูดทรายในแม่น้ำกกต่อไปแม้แต่น้อย อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ส.ส.ในพื้นที่ หรือหน่วยงาน เอ็นจีโอ เข้ามาตรวจสอบอีกทาง
นายประธาน ดวงพัตรา นายอำเภอเมืองเชียงราย กล่าวว่า กรณีนี้ชาวบ้านหรือแกนนำรายใดที่ถูกข่มขู่ แม้ว่ายังไม่รู้ตัวว่าเป็นคนของฝ่ายใดก็ตาม ก็ควรจะไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ เพื่อใช้กฎหมายเข้ามาตรวจสอบและคุ้มครองความปลอดภัยให้ ซึ่งการใช้อิทธิพลเข้ามาข่มขู่ประเภทนี้ ไม่เห็นด้วย บ้านเมืองมีขื่อมีแป จะมาใช้อิทธิพลมาทำร้ายชาวบ้าน ที่ออกมาปกป้องทรัพย์สินของสาธารณะไม่ได้
นายประธาน กล่าวอีกว่า จากการติดตามเรื่องท่าทรายแห่งนี้ ก็พบว่าไม่ผ่านการประชาพิจารณ์ในท้องถิ่น ชาวบ้านไม่เอาด้วยกับท่าทราย ดังนั้นก็ควรจะยึดความเห็นของท้องถิ่น แล้วนำไปรับปรุงเพื่อหาทางทำความเข้าใจกันมากกว่า และที่สำคัญเรื่องนี้ทางเทศบาลนครเชียงราย ควรจะมาออกมาปกป้องประชาชนเป็นหน่วยงานแรก เพราะเรื่องเกิดขึ้นในท้องที่รับผิดชอบ จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ จากนั้นจึงค่อยนำเรื่องนี้ผ่านขั้นตอนสภารายงานขึ้นมายังอำเภอ ผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตามลำดับขั้นตอน อย่างไรก็ตามจะมีการติดตามดูแลให้ชาวบ้านอย่างใกล้ชิด
จากกรณีกลุ่มราษฎรชุมชนบ้านฮ่องลี่ หมู่ที่ 2 เขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย รวมตัวต่อต้านท่าทรายเอกชน ว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริเวณริมฝั่งแม่น้ำกก ช่วงหาดพัทยาเชียงราย จนเกิดการไหลเปลี่ยนทิศทางของน้ำ แนวตลิ่งพังทลาย รวมทั้งยังมีการลักไก่ของนายทุน ขยายแนวเขตการดูดทรายโดยไม่มีการขออนุญาต ซึ่งต่อมามีการเข้าขอทำประชาพิจารณ์ในท้องถิ่น เพื่อเตรียมเข้ามาต่อสัมปทานทำการดูดทรายในปี 2552 แต่ชาวบ้านคัดค้านไม่เห็นด้วยนั้น
ล่าสุด แกนนำที่ออกมาต่อต้านได้ถูกกลุ่มบุคคลลึกลับใช้โทรศัพท์ข่มขู่หมายเอาชีวิตหลายคน ทำให้แกนนำชาวบ้านหลายคน โดยเฉพาะนายสมโชค กุมารจันทร์ ประธานชุมชนบ้านฮ่องลี่ เกิดความหวาดผวา เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต ได้พากันเก็บตัวเงียบ ยุติการเคลื่อนไหวต่อต้านชั่วคราว
โดยแกนนำต่อต้านท่าทรายดังเหล่านี้ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการข่มขู่เกิดขึ้น จึงคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่กล้าที่จะเปิดตัวเปิดชื่อในข่าวอีก ซึ่งไม่รู้จะไปเรียกร้องให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือแก้ไข หลังจากที่มีการข่มขู่หมายเอาชีวิตไปแล้ว ปรากฏว่านายทุนก็ยังดำเนินการดูดทรายไปตามปกติ ไม่เกรงกลัวหรือสนใจในมติประชาพิจารณ์ของท้องถิ่น ที่ไม่ต้องการให้มีการดูดทรายในแม่น้ำกกต่อไปแม้แต่น้อย อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ส.ส.ในพื้นที่ หรือหน่วยงาน เอ็นจีโอ เข้ามาตรวจสอบอีกทาง
นายประธาน ดวงพัตรา นายอำเภอเมืองเชียงราย กล่าวว่า กรณีนี้ชาวบ้านหรือแกนนำรายใดที่ถูกข่มขู่ แม้ว่ายังไม่รู้ตัวว่าเป็นคนของฝ่ายใดก็ตาม ก็ควรจะไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ เพื่อใช้กฎหมายเข้ามาตรวจสอบและคุ้มครองความปลอดภัยให้ ซึ่งการใช้อิทธิพลเข้ามาข่มขู่ประเภทนี้ ไม่เห็นด้วย บ้านเมืองมีขื่อมีแป จะมาใช้อิทธิพลมาทำร้ายชาวบ้าน ที่ออกมาปกป้องทรัพย์สินของสาธารณะไม่ได้
นายประธาน กล่าวอีกว่า จากการติดตามเรื่องท่าทรายแห่งนี้ ก็พบว่าไม่ผ่านการประชาพิจารณ์ในท้องถิ่น ชาวบ้านไม่เอาด้วยกับท่าทราย ดังนั้นก็ควรจะยึดความเห็นของท้องถิ่น แล้วนำไปรับปรุงเพื่อหาทางทำความเข้าใจกันมากกว่า และที่สำคัญเรื่องนี้ทางเทศบาลนครเชียงราย ควรจะมาออกมาปกป้องประชาชนเป็นหน่วยงานแรก เพราะเรื่องเกิดขึ้นในท้องที่รับผิดชอบ จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ จากนั้นจึงค่อยนำเรื่องนี้ผ่านขั้นตอนสภารายงานขึ้นมายังอำเภอ ผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตามลำดับขั้นตอน อย่างไรก็ตามจะมีการติดตามดูแลให้ชาวบ้านอย่างใกล้ชิด