แพร่ – นายทุนเหิมหนัก ร่วมนักการเมืองกินป่าเมืองแพร่ บุกเบิกเข้าพื้นที่เอาแร่เหล็กไม่สนผลกระทบชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดสัมปทานเหมืองแร่ โดยไม่ฟังเสียงประชาชนและผลกระทบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือ โดยเฉพาะการระเบิดหินในหลายจังหวัด ซึ่งหลายแห่งเกิดขึ้นโดยการสนับสนุนของนักการเมืองในยุคปัจจุบัน โดยไม่ฟังเสียงประชาชนที่ออกมาคัดค้าน ในขณะที่ใช้วิธีการอัดเงินลงไปสร้างความแตกแยกในกลุ่มชาวบ้านให้เกิดเป็นสองฝ่ายและการทำประโยชน์ของนักการเมืองก็สามารถเดินหน้าได้อย่างสะดวก
ล่าสุด พบว่า ตั้งแต่วันที่ 23-25 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา มีกลุ่มนายทุนใหญ่จากต่างจังหวัดที่สมคบกับนักการเมืองใหญ่และให้ผลประโยชน์กับ อบต.และ ผู้ใหญ่บ้าน นำเครื่องจักรรถแทรกเตอร์ตีนตะขาบบุกเข้าป่าสงวนแห่งชาติแม่สรอย บ้านม่วงคำ ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ บุกเบิกเส้นทางมุ่งหน้าเข้าไปยังเขตป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย เขตติดต่อจังหวัดแพร่ กับจังหวัดสุโขทัย มีการโค่นล้มต้นไม้ขนาดใหญ่และขุดเจาะตัดเส้นทางเพื่อไปยังจุดที่มีนายทุนเชื่อว่ามีแร่เหล็กอยู่
หลังจากชาวบ้านทราบ จึงได้เข้าร้องเรียนต่อนายอำเภอวังชิ้น ขณะที่ชัชพงศ์ เอมะสุวรรณ นายอำเภอวังชิ้น ไม่กล้ายืนยันว่าขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีการขออนุญาตมาจากระดับสูงทำให้ข้าราชการระดับอำเภอไม่ทราบเรื่อง
ขณะที่ชาวบ้านหมู่ที่ 1 และ หมู่ 10 บ้านม่วงคำ ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ พบว่า การทำเหมืองอยู่บนที่สูงซึ่งเป็นต้นน้ำของชุมชนในลุ่มน้ำสรอย ซึ่งถ้ามีการทำเหมืองจริง ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลภาวะจะตามมา ชาวบ้านต่างพากันงงว่าทำไมภาครัฐจึงปล่อยให้มีการทำเหมืองในเขตต้นน้ำสำคัญของเมืองแพร่
นายอำนวย ใจอ้าย เครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ป่าแถบนี้เคยถูกทำลายมาแล้วอย่างหนัก จนทำให้เกิดภัยพิบัติเมื่อปี 2544 มีผู้เสียชีวิตไปถึง 40 ศพ ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการฟื้นฟู สภาพป่ากำลังกลับคืนมา และชาวบ้านในพื้นที่ต่างออกมาหวงแหนและช่วยกันสร้างป่าชุมชนรวมทั้งป่าอนุรักษ์ให้มีสภาพดีขึ้นมาเป็นลำดับไม่น่าเป็นไปได้ที่มีการทำเหมือง ซึ่งถ้าทางการออกใบอนุญาตให้จริงก็คงต้องขับไล่กัน อย่างไรก็ตามตนในนามสมาชิกป่าชุมชนจังหวัดแพร่ขอให้ นายพงษ์ศักดิ์ พลายเวช ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ออกมาตรวจสอบโดยด่วนก่อนที่ปัญหาจะปานปลายไปมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำเหมืองดังกล่าวมีการกำหนดเขตเส้นทาง โดยมีการปักเสาปูนทาที่หัวเสาเป็นสีแดง ปักไปตามที่ไร่นาของชาวบ้านซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้ชาวบ้านต้องยอมจำนนเนื่องจากคิดว่าเป็นการเวนคืนของทางราชการจากนั้นนายทุนได้ใช้เครื่องจักรบุกเบิกจนเป็นถนนขนาดใหญ่
ผู้สื่อข่าวที่เข้าไปสำรวจตามที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน พบว่า มีการนำพนักงานเหมืองเข้ามาเฝ้าพื้นที่แล้วและห้ามคนเดินทางเข้าออก เหมือนเป็นพื้นที่เอกชน ในขณะเส้นทางดังกล่าวตัดไปตามพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและมุ่งหน้าเข้าอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ห้ามปรามแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้กำหนดพื้นที่ขุดแร่ และลานกองแร่ เส้นทางรถบรรทุกลำเลียงออกไปจำหน่ายพร้อมแล้วรอเครื่องจักรชุดใหม่เข้ามาทำงานเท่านั้น