บุรีรัมย์ - สลด ! พบ เด็กชายชาวบุรีรัมย์วัย 4 เดือน ป่วยเป็นโรค “เฟรเซอร์” คนแรกของประเทศไทย และเป็นคนที่ 18 ของโลก เผยหนูน้อยสุดทรมานไม่มีเปลือกตา-ม่มีไตข้างขวา-ไตข้างซ้ายเล็ก และช่องปัสสวะผิดปกติ ระบุต้องใช้เงินผ่าตัดเปลือกตาให้สามารถมองเห็นได้เบื้องต้น 280,000 บาท ด้านพ่อแม่ยากจนมีอาชีพรับจ้างไม่มีค่ารักษาพยาบาล วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (11 ก.ย.) นายวิพัฒน์ หงษ์จินดา อายุ 33 ปี และ นางลำยง ไชยสำโรง อายุ 42 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 8 บ้านหนองนา ต.โนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ได้อุ้ม ด.ช.ศุภฤกษ์ หงส์จินดา ลูกชายวัย 4 เดือน 10 วัน เข้าพบ นายพิพัฒน์ วงษ์ทองเจริญ สมาชิกสภาจังหวัด (ส.อบจ.) เขตอำเภอบ้านด่าน เพื่อขอความช่วยเหลือ ด.ช.ศุภฤกษ์ หรือ น้องอาทิตย์ หลังคลอดออกมามีร่างกายผิดปกติ ไม่มีเปลือกตา มีเพียงลูกตาอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่สามารถมองเหมือนเด็กปกติทั่วไปได้
นอกจากนี้ แพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่น้องอาทิตย์คลอด บอกว่าน้องอาทิตย์ไม่มีไตข้างขวา และไตข้างซ้ายมีขนาดเล็ก อีกทั้งช่องปัสสาวะผิดปกติอยู่ใต้อวัยวะเพศ ซึ่งจะต้องใช้เงินรักษา โดยการผ่าตัดเปลือกตาเบื้องต้น 280,000 บาท แต่ครอบครัวมีฐานะยากจน ทั้งสองมีอาชีพรับจ้างจึงไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าว มาเป็นค่ารักษาลูกชายได้
นายวิพัฒน์ หงษ์จินดา พ่อน้องอาทิตย์ กล่าวว่า ตนเคยมีบุตรกับ นางลำยง ไชยสำโรง 3 ครั้ง ลูกคนแรกคลอดแล้วเสียชีวิตทันที ท้องที่สองแท้งลูกเป็นฝาแฝด และท้องครั้งที่ 3 ได้บุตรออกมา คือ ด.ช.ศุภฤกษ์ หรือ น้องอาทิตย์ แต่ต้องมาพบกับเคราะห์กรรม มีร่างกายไม่สมประกอบ หลังจากเห็นลูกชายคลอดออกมาตอนแรก ตนรู้สึกเสียใจและสงสารลูกมาก
โดยแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า น้องอาทิตย์ ป่วยเป็นโรคเฟรเซอร์ (Fraser Syndrome) พบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นรายที่ 18 ของโลก ส่วนการวินิจฉัยโรค และแนวทางการรักษาคณะแพทย์โรงพยาลจุฬาฯ จะต้องส่งข้อมูลไปยังต่างประเทศ แต่เบื้องต้นการผ่าตัดตาให้มองเห็น ต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 280,000 บาท
ลำพังตนคงไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมารักษาลูกได้ เพราะมีอาชีพรับจ้างเป็นช่างเชื่อมเหล็กทั่วไปอยู่เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ มีรายได้วันละ 250 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังต้องมีภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และค่านมลูกอีก ทุกวันนี้จะต้องประหยัดเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพาลูกไปพบแพทย์ทุกสัปดาห์ หรือทุกครั้งที่ลูกเป็นไข้ ส่วนภรรยาก็มีอาชีพเย็บผ้าต้องหยุดงานเพื่อคอยดูแลลูก และพาลูกไปหาหมอ
ด้าน นางลำยง ไชยสำโรง แม่น้องอาทิตย์ กล่าวว่า สุขภาพทั่วไปขณะนี้น้องอาทิตย์นี้มีน้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ มีอาการตอบสนองเหมือนเด็กทั่วไป แต่หายใจลำบาก มีเสียงร้องไห้แหบ หมอให้กินนมผงยี่ห้อที่มีรสจืดมากที่สุด เพื่อไม่ให้ไตทำงานหนัก ต้องคอยดูแลลูกอย่างดีไม่ให้เป็นไข้ เพราะต้องพาไปพบแพทย์ทันทีตามแพทย์สั่ง เกรงว่า เด็กจะเกิดอาการช็อก
ทุกวันตนและสามีต้องประหยัดอดออมค่าใช้จ่าย อดมื้อกินมื้อเพื่อสำรองเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายพาลูกไปหาหมอ จึงอยากจะวอนผู้ใจบุญหรือหน่วยงานภาครัฐ ช่วยพาลูกไปรักษาให้หายจากอาการป่วยและลืมตามองดูโลกได้เหมือนเด็กทั่วไป
ด้าน นายพิพัฒน์ วงษ์ทองเจริญ ส.อบจ.เขตอำเภอบ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า จากสภาพเด็กที่เห็นไม่เคยพบมาก่อน และครอบครัวพ่อแม่เด็กมีฐานะยากจน โดยเบื้องต้นทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ช่วยเหลือเป็นเงิน 1,900 บาท ส่วนการดำเนินการด้านค่ารักษาพยาบาลได้ติดต่อทำบัตรทอง 30 บาท ให้เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการรักษาพยาบาลให้
อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบเงินสดส่วนตัวจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น แต่ยังเป็นห่วงเพราะสองสามีภรรยาทำงานต่างจังหวัดมีรายได้น้อย และภรรยาต้องหยุดงานเพื่อคอยดูแลลูก ทำให้ขาดรายได้
หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือหนูน้อยเคราะห์ร้าย สามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 403-1-165-88-6 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบุรีรัมย์ ชื่อบัญชี นางลำยง ไชยสำโรง หรือโทรศัพท์ติดต่อหมายเลข 084-9448310