พิษณุโลก – คน BOI ชี้ ทางออกวิกฤตการเมืองวันนี้เหลือแค่ “ยุบสภา-นายกฯลาออก” เท่านั้น ชี้ “สมัคร” ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เท่ากับตอกย้ำความเลวร้ายบรรยากาศการลงทุน บ่อนทำลายเศรษฐกิจไทย เผยการเคลื่อนไหว พธม.เป็นการเดินหน้าสู่การเมืองใหม่ เพิ่มพลังการตรวจสอบภาคประชาชน ลดนักการเมืองโกงกิน แต่อาจไม่เห็นผลเร็ววัน คาด ต้องผ่านการเลือกตั้งอีกไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้ง นักการเมืองยุคเก่าถึงจะสูญพันธุ์
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่โรงแรมเดอะแกรนด์ริเวอร์ไซด์ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 7 ร่วมกับหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (BUILD) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดสัมมนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง หัวข้อ “การปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตด้วย Kaizen” เพื่อให้ความรู้แนะนำเทคนิคการวิเคราะห์ ปรับปรุงกระบวนงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักการของ Kaizen
นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (BUILD) สำนัก บีโอไอ เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้ ถือว่า เป็นการเมืองใหม่ที่สังคมต้องเรียนรู้ เกิดการปฏิวัติโดยประชาชน หนทางออกมีอยู่ 2 ทาง คือ ยุบสภา หรือ ลาออก เพราะเลยจุดที่เจรจามาแล้ว เพราะแต่ละคน คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ไม่ยอมถอยคนละก้าว ที่สำคัญ ปัญหาบ้านเมืองที่วิกฤตอยู่ขณะนี้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไข ต้องรับผิดชอบ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องคลี่คลาย ทำทุกอย่างให้มีความเสี่ยงต่ำไม่ให้กระทบต่อการลงทุน
การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่ตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นของต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาทราบกันดีอยู่แล้ว มีปัญหาการขัดแย้งทางการเมือง แต่รัฐบาลกลับตอกย้ำ ความเชื่อที่ลางเลือนว่า การเมืองไทยมีปัญหาถึงขึ้นประกาศภาวะฉุกเฉิน เท่ากับทำลายเศรษฐกิจกิจประเทศทั้งที่รูปแบบการเคลื่อนไหวการเมืองของนายสนธิ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มชนชั้นกลาง ที่เกิดขึ้นมากในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ฝรั่งเศส ซึ่งประท้วงกันทุกปี เพียงแต่การประท้วงที่สร้างผลกระทบ เช่น ปิดถนน หยุดเดินรถไฟ จะบอกให้ประชาชนทราบก่อน
นายชนินทร์ กล่าวว่า วันนี้การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯเป็นสิ่งที่น่ายินดี ถือว่า ชนชั้นกลางหรือประชาชนล้มล้างรัฐบาล เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาการเมืองในระยะยาว แต่บังเอิญว่า หากไปถามนักธุรกิจคนใด หรือประชาชนใดเขาจะบอกว่า ได้รับผลกระทบทั้งนั้น
“ระยะยาวรัฐบาล จะไม่มีคำว่า เปอร์เซ็นต์ ไม่ทำโกงกินอย่างโจ่งครึ่ม เพราะมีชนชั้นกลางคอยตรวจสอบ การที่ ส.ส.จะหว่านเงินหัวละ 100 หรือ 200 บาท ก็เป็นไปได้ยากขึ้น เพราะรู้ดีว่า เมื่อเข้าไปนั่งเป็นรัฐบาล เขาไม่มีโอกาสถอนทุน การซื้อเสียงก็ค่อยๆ หมดไป แต่ถามว่า การเคลื่อนไหวของชนชั้นกลางครั้งนี้ จะมีผลรวดเร็ว แบบไม่มีคอร์รัปชันเลยนั้น คงไม่ใช่ เชื่อว่า จะใช้เวลาหลายปี ต้องผ่านการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง จึงจะเห็นการวิวัฒนาการของการเมืองใหม่”
นายชนินทร์ ย้ำอีกครั้งว่า ทางออกของปัญหาขณะนี้ เลยจุดเจรจามาแล้ว เพราะคนทั้งสองไม่ยอมถอย มีอยู่ทางเดียว ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว คือ ยุบสภา หรือลาออก เท่ากับว่า สลายเงื่อนไขทางการเมืองหลายๆ อย่าง แล้วค่อยมาเจรจากัน