ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กป.อพช.อีสานเรียกร้องเลิกบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวั่นรัฐฉวยโอกาสใช้อำนาจทำรุนแรงกับประชาชน พร้อมเสนอแนะทางออกปัญหาจี้ “สมัคร” ต้องลาออก ขณะเดียวรัฐบาลห้ามบิดเบือนข่าวสารผ่านสื่อในสังกัด
ค่ำวันนี้ (3 ก.ย.) ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอนแก่น และองค์กรเครือข่ายในพื้นที่ ยังคงเปิดเวทีคู่ขนานเวทีปราศรัยใหญ่ของพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล โดยตั้งจอโปรเจกเตอร์รับสัญญานถ่ายทอดสดเวทีกู้ชาติจากจานดาวเทียม ASTV ให้แก่ประชาชนชาวขอนแก่นได้รับชม พร้อมกับการเปิดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
การจัดกรรมเปิดเวทีคู่ขนานดังกล่าวได้รับความสนใจจากพี่น้องชาวขอนแก่นที่รู้ทันระบอบทักษิณไม่เอารัฐบาลนอมินีสมัครค่อนข้างมาก สังเกตจากการจัดกิจกรรมเมื่อคืนที่ผ่านมา (2 ส.ค.) มีชาวขอนแก่นหลากหลายอาชีพทุกเพศทุกวัย มาร่วมนั่งรับชมถ่ายทอดสดเวทีกู้ชาติอย่างหนาตา ทั้งยังมีผู้ร่วมบริจาคเงินให้กับพันธมิตรฯขอนแก่น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการเดินทางเข้าร่วมชุมนุมกู้ชาติที่ทำเนียบรัฐบาลให้กับพี่น้องชาวขอนแก่นไม่น้อยเช่นกัน
นายพิพัฒนชัย พิมพ์หิน ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคอีสาน กล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่ม นปก.เคลื่อนจากสนามหลวงเพื่อทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯว่าเป็นเหตุการณ์ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะทำให้เกิดการปะทะกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐควบคุมดูแลเท่าที่ควร จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นผลให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้ประประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในเขตกรุงเทพมหานครที่ผ่านมานั้น
ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคอีสาน ขอแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อการสูญเสียครั้งนี้ และขอประณามการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับสังคมไทย ที่เป็นสังคมใฝ่สันติสุขมายาวนาน เราจึงมีข้อเสนอและข้อเรียกร้องดังนี้
1.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เขตกรุงเทพมหานคร เพราะจะนำไปสู่การใช้อำนาจรัฐที่เด็ดขาดและรุนแรงต่อประชาชนยิ่งขึ้น
2.ขอให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เนื่องจากปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายจนกระทั่งเกิดการจลาจล ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
3.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง ที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้าและทำลายล้านกันทุกรูปแบบ ทำให้เกิดบาดแผลที่ลึกซึ้งในหมู่ประชาชน อันยากที่จะเยียวยาได้ในระยะยาว
4.เราขอเรียกร้องไม่ให้มีการควบคุม ปิดกั้น การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนแขนงต่างๆและคัดค้านการผูกขาด บิดเบือนข่าวสารโดยฝ่ายรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว
“วิกฤตการณ์ทางการเมืองในครั้งนี้ เราขอแสดงเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ ในการยุติการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใด และต้องเปิดโอกาสให้พลังทางสังคมทุกส่วนได้หาทางออกร่วมกันโดยเร่งด่วน”นายพิพัฒนชัย กล่าวย้ำ