ปราจีนบุรี – ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ชี้ ม็อบ-ภาวะฉุกเฉินกระทบการลงทุนภาคอุตสาหกรรมชะงัก ขณะที่หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี ระบุ ต้องติดตามการเมืองต่อเนื่อง
วันนี้ (2 ก.ย.) นายชาญชัย จินดาสถาพร ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก กล่าวว่า จากที่มีม็อบชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯและผลการประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐบาล ในขณะนี้ด้านการลงทุนภาคอุตสาหกรรมชะงักต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนอุตสาหกรรมภาคตะวันออกที่ผ่านมานั้นยังไม่ดีขึ้นทุกอย่างยังชะลอตัว
ก่อนหน้านี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ได้มีการรวมกลุ่มพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการรายงานชี้แจงปัญหา หรือผลกระทบที่พบในด้านต่างๆ เช่น เรื่องแหล่งน้ำดิบภาคตะวันออกในเขตอุตสาหกรรมหลักที่ จ.ระยอง จ.ชลบุรี ที่ขาดแคลนในหน้าแล้งสูง ต้องนำน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาใช้ และทำให้ส่งผลกระทบภาคการเกษตรเกิดภาวะน้ำเค็มหนุนในภารีตะวันออกรวดเร็วก่อนกำหนด เกษตรกร และประชาชนได้รับความเดือดร้อน การพูดถึงพลังงานทดแทนที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเช่น โซลาร์เซลล์
“นอกจากนี้ ยังรวมถึงผลกระทบปัญหาด้านแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ที่ขาดแคลนด้านแรงงานขั้นต่ำ ที่จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว เนื่องจากขาดแคลนแรงงานของไทย ที่ไม่เพียงพอ ที่จะให้รัฐบาลเพิ่มการจดทะเบียนแรงงานที่ขาดแคลนเพิ่มขึ้น” นายชาญชัย กล่าว
ด้าน นายชุมพล สมใจ ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ผลกระทบการชุมนุมของม็อบที่เห็นเด่นชัดคือในขณะนี้นักลงทุนต่างชาติพากันขายหุ้นทิ้งหุ้นร่วง ในส่วนภาพของท้องถิ่น จ.ปราจีนบุรี ยิ่งมีม็อบยิ่งซบเซาหนักเพิ่มขึ้น จากการพุดคุยตามร้านค้าส่งและสรรพสินค้าส่งพบยอดขายตกไปมากจากเดิมคนใช้จ่ายระวังตัวมากขึ้น ที่ต้องรอดูวิกฤตการณ์การแก้ไข ที่ประชาชนต้องรอดูและติดตามผลการเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะหากรัฐบาลลาออก หรือหากมีการยุบสภาการเมืองต้องเปลี่ยนไป