xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มทุนหอบเงินเข้าเกาะกง รับเขตเศรษฐกิจพิเศษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถนนสาย 48 เส้นทางเศรษฐกิจใหม่ของเกาะกง ที่ดึงดูดนักลงทุน
ตราด - จับตาการลงทุนของกลุ่มทุนต่างๆ ในเกาะกง หลัง” ทักษิณ ชินวัตร” มีการเคลื่อนไหวจะหอบเงินร่วม 3 ,000 ล้าน เข้าไปพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งเที่ยวชั้นนำของกัมพูชา ร่วมกับ”พัด สุภาภา “ ทุนใหญ่ในเกาะกงเวลานี้ ประกอบกับการเปิดถนนสาย 48 เส้นทางคมนาคมใหม่ล่าสุด ที่จะเชื่อมไปจนถึงพนมเปญ ทำให้ราคาที่ดินในเกาะกงขยับพุ่งสูงขึ้นกว่า 10 เท่า


หลังจากทางหลวงแผ่นดินสาย 48 (เกาะกง-สะแออัมเปิล) ประเทศกัมพูชา ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการโดย สมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ประเทศกัมพูชา และนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานเปิด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ผนวกกับนโยบายการประกาศพัฒนาเกาะกงเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นเสมือนสัญญาณที่ดี ของการลงทุนพัฒนาใน จ.เกาะกง อย่างเป็นทางการ

สำหรับ “จ.เกาะกง” ที่เป็นเสมือนประตูที่เปิดรับนักลงทุนทั้งในกัมพูชาและนอกประเทศ เพราะกระทั่งตัวของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และเพื่อนผู้ที่ลงทุนคนไทยและต่างประเทศ ก็เข้าไปลงทุนใน จ.เกาะกง ด้วยเหตุผลสำคัญก็คือ “การเข้าไปลงทุนทำธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลหน้า จ.เกาะกง”

นายประเสริฐ ศิริ ผู้ประกอบธุรกิจค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ตราดและเป็นที่ปรึกษาด้าน ชายแดนของหอการค้าไทย กล่าวว่า เกาะกงกำลังเป็นเมืองที่นักลงทุนทั้งชาวกัมพูชาและนักลงทุนจากต่างชาติได้ให้ ความสนใจเข้าไปลงทุนทำธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งก็ได้ถนนสาย 48 เป็นตัวเชื่อม ตอนนี้ มีนักธุรกิจ จากเกาหลีใต้ มาลงทุนทำธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า โดยจะลงทุนสร้างเขื่อนไฟฟ้า พลังน้ำใน อ.ทะมอบัง จ.เกาะกง ติดกับ จ.กัมโปงโสม มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกาะกงมีแหล่งน้ำจำนวนมากเหมาะที่จะสร้างเขื่อนโดยไฟฟ้า ที่ผลิตจะนำไปใช้ใน จ.เกาะกง และจังหวัดโพธิสัต ,กัมโปงชะนัง เนื่องจากกัมพูชาขาดแคลนไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังมีการ ลงทุนทำสนามกอล์ฟขนาดใหญ่มาตรฐานโลก และนักธุรกิจจีนก็จะลงทุนด้านธุรกิจกาสิโนขนาดใหญ่ ที่เทียบเท่ากับ มาเก๊าหรือฮ่องกง โดยได้เข้ามาศึกษาพื้นที่การลงทุนมานานเกือบ 1 ปีแล้ว และได้ประกาศลงทุนไปแล้วเช่นกัน
การคมนาคมที่สะดวกมากขึ้น ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่เกาะกง
ส่วนของกลุ่มธุรกิจของกัมพูชาก็มีลงทุนเช่นกัน โดยเฉพาะ อสังหาริมหาทรัพย์ ที่ จ.เกาะกงมีการลงทุนด้านก่อสร้าง เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ปัจจุบันมีอาคารพาณิชย์ของภาคเอกชนเกิดขึ้นหลายแห่ง มีการลงทุนของภาครัฐในการก่อสร้าง อาคารสถานที่ราชการ เช่น อาคารโรงพยาบาล จ.เกาะกง

“ที่ผ่านมานายเจริญ สิริวัฒนภักดี เสี่ยเบียร์ช้าง ได้ลงทุนร่วมกับนายพัด สุภาภา ก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทราย และเช่า พื้นที่การเกษตรกว่า 10,000 ไร่ปลูกอ้อยโดยลงทุนที่ สะแออัมเปิล (นาเกลือ จ.เกาะกง) ด้วยเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท รองรับอุตสาหกรรมหลายประเภท เนื่องจากน้ำตาลทรายกัมพูชาต้องนำเข้าจากไทยปีละ 3-4,000 ล้านบาท ขณะที่ นักธุรกิจจากจีนได้เข้ามารับสัมปทานก่อสร้าง ถนนหลายสายในกัมพูชาตะวันออก ผมไปสำรวจร่วมกันเข้าเมื่อ 2 เดือน ที่ผ่านมา โดยจะตัดจากปากเซ ในสปป.ลาว มุ่งสู่สีหนุวิลล์ โดยตรงเพื่อเข้าสู่ชาวกัมโปงโสม จะมีการลงทุนสร้าง ท่าเรือส่งออกอีกด้วย”

ที่ปรึกษาชายแดนหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมาลงทุน ในกัมพูชานั้นเป็นความจริง โดยจะมาลงทุนกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ เช่าเกาะกงทั้งเกาะ สร้าง โรงแรม กาสิโน สนามกอล์ฟ สถานบันเทิง และเมืองปลอดภาษี ที่จะถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ทั้งหมด และเป็นโครงการใหญ่มาก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการหลังจากจบการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชาวันที่ 27 กรกฎาคม 2551

“สมเด็จฯฮุนเซน เชื่อมั่นในความคิดการพัฒนาประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากและได้มีการพบ และพูดคุยกันหลังมีการปฏิวัติในประเทศไทย หลายครั้ง ล่าสุดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อศึกษาและพัฒนา จ.เกาะกง ให้เป็นแหล่งลงทุนของนักธุรกิจระดับนานาชาติ ที่จะเป็นศูนย์กลางใหม่ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ผมบอกเลยว่า จ.ตราด หากไม่มีการปรับตัวหรือเตรียมตัวให้ดี จะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอย่างขนานใหญ่ใน จ.เกาะกง ผมได้บอกให้ผู้ใหญ่ใน จ.ตราด และพ่อค้านักธุรกิจไว้นานแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจเวลามีปัญหาเกิดขึ้น จะแก้ไขไม่ทันการณ์” นายประเสริฐ กล่าว

ที่ดินราคาพุ่งรับการลงทุน

หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศเข้ามาลงทุนใน จ.เกาะกง ทำให้มีความ เคลื่อนไหวในการซื้อที่ดินที่มีพื้นที่ติดกับถนนสาย 48 ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลกัมพูชาได้มอบกรรมสิทธิ์และจัดแบ่ง ให้แก่ประชาชนเพื่อทำมาหากิน แต่เมื่อถนนสาย 48 ก่อสร้างแล้วเสร็จปรากฏว่า มีนักลงทุนจากไทยและมาเลเซีย เข้ามาซื้อที่ดินใน จ.เกาะกงเป็นจำนวนมาก จากราคาที่ดินที่ขายเป็นเฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 3.5 ไร่) มีราคา 3-50,000 บาท/ไร่ หรือสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท แต่ปรากฏว่า ขณะนี้มีราคาสูงขึ้นถึง 1-2,000,000 บาทแล้ว และจะคิดขาย กันเป็นตาราเมตร ว่า 1 ตารางเมตร ราคาเท่าไร ซึ่งมีราคาที่สูงขึ้นกว่า 10 เท่าตัวทีเดียว
ภาพประวัติศาสตร์วันเปิดสะพานและถนนสาย 48
“ตอนนี้ชาวเกาะกงตื่นตัวในเรื่องการซื้อ-ขายที่ดินมาก และส่วนใหญ่เมื่อได้ราคาก็จะขายออกไป ทำให้ชาว เกาะกงมีเงินอยู่ในตัวเป็นล้านบาท ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าจะมีความเป็นไปได้ขนาดนี้ ช่วงนี้ถือเป็นเรื่องโชคดี สำหรับชาวเกาะกง และน่าจะมีการซื้อขายกันอีก โดยการลงทุนที่พบเห็นจะเป็นการสร้างโรงแรม,รีสอร์ต และอาคาร พาณิชย์ เพราะธุรกิจนี้มีความต้องการสูง เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มหลังไหลเข้ามาใน จ.เกาะกงมากขึ้น”แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับจุดที่นักลงทุนสนใจที่เข้ามาซื้อที่ดินก็คือ บริเวณ อ.เสาธง (อ.เมือง) บ้านหัวเขา อ.มณฑลเสมา ในเขตตัวเมืองเกาะกง ตั้งแต่วัดตะกาดเป็นต้นไป ซึ่งติดกับถนนสาย 48 อ.เกาะยอ พื้นที่บริเวณชายหาดที่มีทะเล สวยงามตั้งแต่ อ.เสาธง-อ.สะแออัมเปิล โดยเฉพาะหัวเกาะกงด้านใต้ ซึ่งตรงข้ามกับอ่าวยายแสง ที่มีชายหาด สวยงาม ใกล้กับ อ.บางกระสอบ และ อ.เกาะจ้าว ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งที่มีที่ดินสวยงามและนายพัด สุภาภา ได้ ร่วมมือกับนายอำเภอเกือน จัดทำพื้นที่ดินเพื่อเก็บไว้ให้กับนักลงทุนในการที่จะเข้าไปดำเนินการ

จีนลงทุนเกาะกงอันดับ 1

สำหรับ การลงทุนในกัมพูชา จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชา (CIB) พบว่า ในปี 2549 ได้อนุมัติโครงการจำนวน 99 โครงการ มีมูลค่าเงินทุน 207.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจีน ไต้หวัน และรัสเซียเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนสูงสุดในกัมพูชา และไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติลำดับที่ 4 ที่เข้าไปลงทุนสูงสุดในกัมพูชา

การลงทุนของไทยในกัมพูชา ในปี 2549 การลงทุนของไทยในกัมพูชามีจำนวน 5 โครงการ มีมูลค่า 9,990,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรม (โครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าที่ จังหวัดกัมปอต) ด้านสาธารณสุข (โครงการก่อสร้างโรงพยาบาล Angkor International เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ) และด้านการเกษตร (โครงการพื้นที่สัมปทานปลูกมันสำปะหลัง อ้อย และตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร จังหวัดอุดรมีชัยของบริษัท Crystal Agro และบริษัท Real Green และโครงการพื้นที่สัมปทานปลูกอ้อยและโรงงานผลิตน้ำตาลในเขตจังหวัดเกาะกงของบริษัทน้ำตาลขอนแก่นและบริษัทราชาชูรส ร่วมกับนักลงทุนกัมพูชาและไต้หวัน)

นอกจากนั้น นักลงทุนไทยยังเข้าไปดำเนินธุรกิจในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ด้านบริการ โรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ด้านวัสดุก่อสร้าง โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ รวมทั้งบ่อนกาสิโน
เกาะกงกาสิโน ที่พ.ต.ท.ทักษิณ สนใจเข้ามาลงทุน
กัมพูชา มีโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในพื้นที่ใกล้ บริเวณชายแดน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อขยายการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและก่อสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยรัฐบาลกัมพูชาได้เสนอสิทธิพิเศษด้านการลงทุนไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิพิเศษเรื่องการยกเว้นภาษีเงินได้ การสนับสนุนเงินทุนจาก EXIM Bank และการพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้าจากเมืองสีหนุวิลล์ไปยังเวียดนามต่อไป

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย แต่ด้วยข้อติดขัดเรื่องการขายไฟฟ้าให้แก่รัฐบาลกัมพูชาอันเนื่องมาจากปัญหาเรื่องเขตแดนทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างไทย – กัมพูชา ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และเพื่อเป็นการส่งเสริมด้านการค้าและการขนถ่ายสินค้าตามแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว

 “พัด สุภาภา “ กลุ่มทุนใหญ่ของเกาะกง

สำหรับกลุ่มทุนใหญ่ ที่ลงทุนในจ.เกาะกง พบว่า อันดับแรก คือ นายพัด สุภาภา โดยเขา เป็นนักธุรกิจในสายของ “พรรคประชาชนกัมพูชา” ก่อนหน้านี้ได้ลงทุนในธุรกิจหลายประเภทประกอบด้วย

1.ธุรกิจโรงแรมได้ขยายการลงทุนร่วมกับนักธุรกิจชาวไต้หวัน ลงทุนสร้างโรงแรมใหญ่หรูระดับ 5 ดาว พร้อมห้องประชุมขนาดใหญ่ ห้องพัก กว่า 500 ห้อง ด้วยเงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้ลงทุนขยาย กาสิโนให้มีพื้นที่มากขึ้น

2. ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยพัด สุภาภา ได้ลงทุนซื้อที่ดินใน จ.เกาะกงตัวเมือง และในพื้นที่ริมทาง หลวงสาย 48 ทั้งใน อ.เสาธง อ.นาเกลือ อ.เกาะกะปิ มีพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ พร้อมลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์หลาย แห่งโดยเฉพาะที่ อ.นาเกลือ ที่ปัจจุบัน พัด สุภาภา ได้ร่วมทุนกับ “นายเจริญ (เจ้าของเบียร์ช้าง) ธุรกิจเบื้องต้น ก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทรายขึ้น พร้อมเช่าที่ดิน 10,000 ไร่ และได้จ้างคนงานปลูกอ้อยกว่า 3,000 ครอบครัวมาอยู่ในเครือข่าย ธุรกิจด้วย โดยลงทุน 4,000 ล้านบาท ซึ่งพัด สุภาภา ลงทุน 2,500 ล้านบาท และเจริญ (เจ้าของเบียร์ช้าง) ลงทุน 1,500 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จในราวปี 2551 ต้นปี
เกาะกงซาฟารี แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาะกง
3. ธุรกิจวัสดุก่อสร้างโดยพัด สุภาภา ได้รับสัมปทานทรายใน จ.เกาะกง ทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อนำทรายมาเป็น วัสดุก่อสร้างและขายให้กับนักธุรกิจทำแก้วใน จ.ระยอง โดยมีบริษัท ทรายแก้วใน จ.ระยอง เป็นผู้ได้สิทธิในการซื้อ ทรายจำนวนนี้ ซึ่ง “พัด สุภาภา” ได้จับมือกับกลุ่มทุนนี้มาหลายปี แต่เกิดความขัดแย้งกับ “นายยุทธ ภูทอง” ผู้ว่า ราชการ จ.เกาะกง ในเรื่องสัมปทานทราย ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาต้องตัดสินใจยุติเรื่องนี้ด้วยการให้สัมปทาน กับ “พัด สุภาภา”

4.ธุรกิจกาสิโน โดย พัด สุภาภา ลงทุน ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต โดยเช่าเกาะกง แล้วลงทุนด้าน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 50,000 ล้าน ทั้งนี้ มีนักลงทุนจากมาเลย์ และจีนจะเข้ามาลง ทุนร่วมด้วย

กลุ่มธุรกิจการบินบางกอกแอร์เวย์

ในส่วนของ นพ.ประเสริฐ ประสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพการบิน จำกัด เจ้าของ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ได้เข้าไปขอเช่าสนามบินเกาะกง จากรัฐบาลกัมพูชา โดยจะลงทุนก่อสร้างสนาม บินและปรับปรุงรันเวย์ ที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัย เหมือนที่ลงทุนในสนามบิน จ.ตราด โดยที่ผ่านมาได้เข้ามาสำรวจลู่ทาง แล้วเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งจะใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท และจะพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์ที่เชื่อมต่อจากสนาม บินที่เสียมเรียบ และพนมเปญ

กลุ่มธุรกิจสหการ

นายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ ที่เป็นสามีของนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่ได้รับสัมปทานในการเข้าไปก่อสร้าง ถนนสาย 48 ใน จ.เกาะกง และเมื่อมีการลงทุนในกัมพูชาจึงได้มีการเข้าซื้อที่ดินในหลายพื้นที่โดยนายสมยศ ลีลา ปัญญาเลิศ ได้ร่วมกับกลุ่มทหารกัมพูชาในพื้นที่ (นายหน้า) กว้านซื้อที่ดิน ใน จ.เกาะกง ทั้งในถนนสาย 48 และ บริเวณชายทะเลของ อ.เกาะกะปิ และ อ.ตะเปียงรุ้ง จำนวนมากเพื่อรองรับการลงทุนใน จ.เกาะกง ซึ่งขณะนี้ทราบ ว่ามีการเข้าไปกว้านซื้อที่ดินที่ อ.เกาะยอ จำนวนมาก ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า น่าจะเป็นการกว้านซื้อที่ดินให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

กลุ่มธุรกิจพลังงานและก๊าซหุงต้ม

นายบุน ตุน ประธานหอการค้า จ.เกาะกง ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ได้ลงทุนร่วมกับนักธุรกิจพลังงานของไทย และ ปตท. ในการซื้อก๊าซ LPG ที่ใช้ทำการหุงต้ม ซึ่งนายบุน ตุน เป็นนักธุรกิจที่นำเข้าก๊าซ LPG จากประเทศไทย ส่งเข้าไปจำหน่ายในพนมเปญ,สีหนุวิลล์ และ จ.เกาะกง ซึ่งมีจำนวนส่งไปกว่า 20,000 ถัง/เดือน และระหว่างนี้ได้อยู่ ระหว่างการทำข้อตกลงนำเข้าก๊าช LPG จาก ปตท. เพื่อลงทุนร่วมกับนักธุรกิจของไทยและนักธุรกิจท้องถิ่นใน จ.ตราด

กลุ่มทุนของ พล.ร.ต.เตีย วินห์

แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ เผยว่า พล.ร.ต.เตีย วินห์ ได้ร่วมกับนักธุรกิจไทยเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้านค้าที่ดินใน จ.เกาะกง โดยเฉพาะพื้นที่ใน อ.เสาธง อ.นาเกลือ อ.ตะเปียงรุ้ง ที่เป็นพื้นที่ชายทะเล และมีชายหาดสวยงาม รวมทั้งอยู่ใกล้ กับถนนสาย 48 ซึ่ง พล.ร.ต.เตีย วินห์ มีที่ดินที่ถือครองไว้จำนวนมาก และมีการกว้านซื้อที่ดินใน จ.เกาะกงไว้ในมือ นับ 10,000 ไร่ เพื่อขายให้กับนักลงทุนในกัมพูชาเองและนักธุรกิจจากต่างประเทศ และได้สั่งให้ญาติพี่น้องเก็บที่ดิน ที่ได้ครอบครองไว้เพื่อขายในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น