เชียงราย - “เสธ.แดง” ขึ้นเวทีเมืองพ่อขุนฯ อ้างปมพระวิหารไทยไม่ได้เสียดินแดนเพิ่มในยุคนี้ ยันกัมพูชา ขึ้นทะเบียนเฉพาะพื้นที่บนปราสาท 15 ไร่เท่านั้น ป้ายสีกลุ่มพันธมิตรฯบิดเบือนจนวุ่นวาย แถมเปรียบคนเชื่อ พธม.เหมือนควาย หากเสียดินแดนจริง ประธานองคมนตรี-นายกรัฐมนตรี-ผบ.ทบ.ต้องออกมาพูดแล้ว
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นางสาวจีระนันท์ จันทะวงศ์ หรือ บุ๋ม แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อดำ กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เชิญ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง นายทหารผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาร่วมในกิจกรรมประชาธิปไตย ชื่องานว่า “ประสาทเขาพระวิหาร เป็นของใครกันแน่” ที่ร้านสบันงาขันโตก อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 10 ส.ค.51 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ที่สนใจและสื่อมวลชนเข้ารับฟังราว 40 คน
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ที่ตนต้องออกมาเดินสายพูดให้พี่น้องประชาขนในหลายพื้นที่เข้าใจในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร เนื่องจากเรื่องนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำไปปราศรัยโจมตีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง ไม่เว้นกระทั่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และอีกหลายคน จนเสียหาย ซึ่งที่จริงต้องโทษกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่ค่อยจะสนใจให้ความรู้เหล่านี้กับประชาชนทำให้ประชาชนถูกโน้มน้าวให้เข้าใจผิด
อดีตตนเคยรับราชการทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ยังหนุ่ม ทราบตื้นลึกหนาบางในพื้นที่ดี และมีภาพถ่ายกับหลักเขตแดนมาเป็นหลักฐาน ขอชี้แจงว่า ตามประวัติศาสตร์ชาติไทย ไทยเสียดินแดน มา 14 ครั้ง เนื่องจากในอดีตประเทศมหาอำนาจ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เข้ามาหาทางยึดครองประเทศไทยมาโดยตลอด แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของหลายรัชกาลได้มีการยอมเสียสละพื้นที่รอบๆประเทศไทย เพื่อรักษาชาติไทยเอาไว้ได้ ไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นแบบเพื่อนบ้าน
กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากประเทศฝรั่งเศส ได้ยึดเอาพื้นที่ฝั่งกัมพูชาไป ซึ่งไทยและฝรั่งเศสยึดถือแผนที่คนละฉบับไทยได้มีความพยายามทัดทานมาตลอดแต่ไม่สำเร็จ กระทั่งประเทศกัมพูชา ได้เอกราชจากฝรั่งเศส นำเรื่องปราสาทเขาพระวิหารขึ้นสู่ศาลโลก ในปี 2505 ศาลโลกตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของกัมพูชา ไทยก็ต้องยอมรับ เพราะหากจะมีการอุทรณ์ต้องเสนอข้อมูลแย้งใหม่เข้าไปใน 10 ปี แต่ไทยก็ไม่ได้แย้ง ซึ่งในส่วนของพื้นที่ที่เป็นอยู่ คือฝ่ายกัมพูชา จะยึดถือเฉพาะบนปราสาท จำนวน 15 ไร่ ส่วนพื้นที่รอบๆ ซึ่งเป็นป่านั้น ก็ไม่มีทหารกัมพูชาเข้ามายึดครอง
กระทั่งเมื่อล่าสุดที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก โดยใช้แนวจากคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 ซึ่งไม่ได้รวมถึงพื้นที่รอบๆปราสาท 4.3 ตาราง กิโลเมตร แต่เมื่อกลุ่มพันธมิตร นำมาเป็นประเด็นทางการเมือง โจมตีรัฐบาลอย่างหนัก ทำให้ประชาชนบางส่วนที่เชื่อ และเดินทางไปประท้วงที่หน้าทางขึ้น จนเป็นข่าวไปทั่วโลก หลังสุดกัมพูชา จึงย้ายคนและพระสงฆ์เข้ามาเพิ่มในพื้นที่ เพราะเราเอาข้อมูลมาแฉกันเองให้เขารู้
เสธ.แดง กล่าวว่า ที่จริงการขึ้นทะเบียนเฉพาะปราสาท ใครได้ประโยชน์ ถ้าหากไม่เป็นคนไทยที่ได้ เพราะร้านค้าทางเข้าปราสาทก็เป็นของคนไทย นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยว ก็ต้องบินมาลงที่สนามบิน จ.อุบลราชธานี ซึ่งการที่มีผู้ไปปะทะกับกลุ่มที่จะไปประท้วงกัมพูชา เพราะชาวบ้านในพื้นที่ทราบดีว่า ไทยกับกัมพูชา มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน ทหารกัมพูชาก็เหมือนคนไทย มีญาติพี่น้องเป็นคนไทย และไปมาหาสู่กันมาตลอด ซึ่งกลุ่มพันธมิตรจะยุให้เอาเรื่องนี้ทำให้คนสองชาติทะเลาะกันไม่ถูกต้อง จนทำให้หลายจุดของชายแดนเป็นข่าวขึ้นมาว่าต่างฝ่ายต่างมีปัญหา แต่ที่จริงไม่มีอะไร
และที่ภรรยานายฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาทำพิธีบนปราสาทเขาพระวิหาร ก็ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินมาลงใกล้ๆ แล้วนั่งรถโฟว์วิลล์ต่อขึ้นมา ส่วนชาวกัมพูชา ต้องเดินลัดเลาะป่าเข้ามา ทางไม่ดีเลย มีอันตรายจากสัตว์ป่า เช่น เสือ เข้ามาได้เก่งแล้ว หากจะพาคนมาเที่ยวจากทางกัมพูชาต้องมาทางอากาศเท่านั้นซึ่งเป็นไปแทบไม่ได้เลย
การที่ไทยจะเสียดินแดนจากการไปเซ็นตกลงของนายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ตนเชื่อว่าไม่จริง เพราะไม่มีข้าราชการคนไหนที่กล้าเซ็นอะไรตามใจนักการเมือง หากเขารู้ว่าผิด เพราะเรื่องนี้ ผ่านหลายหน่วยงาน หากไทยเสียดินแดนจริง ต้องมีผู้ที่ออกมาพูดแล้ว
เช่น ประธานองคมนตรี, นายกรัฐมนตรี, ผบ.ทบ. ต้องออกมาหมดแล้ว แต่ท่านเหล่านี้ไม่เคยพูดอะไรเลย มีแต่พันธมิตรที่ออกมายุยงทุกวัน เพื่อทำให้เป็นประเด็นการเมือง ซึ่งทำให้เสียหาย จึงไม่อยากให้คนไทยหลงเชื่อพันธมิตรฯและออกไปประท้วง เพราะคนที่ไปเชื่อพันธมิตร แล้วไปประท้วง ก็เป็นเหมือนควาย
เสธ.แดง กล่าวอีกว่า ตนเคยถูกฟ้องมานับสิบๆ คดีแล้ว จะขอต่อสู้ต่อไปและไม่กลัวพันธมิตรฯ หรืออดีต ผบ.ตร.(พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส) ที่มีคดีความกับตนอยู่ และขอเปรียบแกนนำพันธมิตรฯเหมือนกบฏผีบุญ ซึ่งหากถูกจับได้แล้วอาจจะถูกถามว่าอมกระโถนได้ไหม ซึ่งหากตอบไม่ได้ก็จะถูกเอาไปยิงเป้าเหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ใครจะกล้าสั่งปราบคนเหล่านี้หรือไม่เท่านั้น