เชียงราย – เวทีประชุม RBC ไทย-พม่า หวิดวุ่น หลังฝ่ายพม่าเดินตามรอยเขมรทวงพื้นที่ทับซ้อนทั้งดอยลาง-คอกช้างเผือก-เกาะมะนาว จนเลยกำหนดลงนามไปกว่า 2 ชั่วโมง สุดท้ายเจรจากันได้ โดยตกลงเสนอเรื่องระดับ JBC – รัฐบาล ตัดสิน พร้อมลงนามร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติด คนหลบหนีเข้าเมือง
ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า (RBC) ครั้งที่ 25 ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย ที่สิ้นสุดเมื่อ 8 ส.ค.51 ที่ผ่านมา โดยมีพลโทสำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน RBC ฝ่ายไทย และพลตรีเท็ด ไหน่ วิน (Major General Thet Naing Win) ผู้บัญชาการภาคทหารบกตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประธาน RBC สหภาพพม่า ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายราว 80 คน เข้าร่วม ได้มีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งเลยกำหนดการณ์ที่จะลงนามมากกว่า 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีการแก้ไขบันทึกให้ตรงกัน
ผลการประชุมนำไปสู่ ความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและกองทัพพม่า รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในหลายๆ ด้าน เช่น ความร่วมมือและปราบปรามยาเสพติด,การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และ แรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ความร่วมมือด้านสาธารณสุขบริเวณชายแดนไทย-พม่า,มาตรการส่งเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งมาตรการในการป้องกันความเข้าใจผิดบริเวณพื้นที่ชายแดนซึ่งจะทำให้บริเวณแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ เกิดความสงบเรียบร้อยและนำมาซึ่งความมั่นคงชายแดนทั้งสองประเทศ เกิดความสงบเรียบร้อยและนำมาซึ่งความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศต่อไป
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการตั้งแต่พื้นที่ดอยลาง จ.เชียงใหม่ และพื้นที่คอกช้างเผือก และเกาะมะนาว กลางแม่น้ำเมยด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีราษฎรตามชายแดนเข้าไปทำการเกษตร ทั้งนี้ประเด็นทั้งสองนอกจากจะหารือกันในเวทีการประชุมอย่างเคร่งเครียดจนได้ข้อตกลงกันไปแล้ว แต่ในการเขียนร่างแถลงตามข้อตกลงเพื่อให้ประธานทั้งสองฝ่ายลงนามก็มีการถกกันในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดร่างอย่างเคร่งเครียดด้วย แต่ท้ายที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
พลโทสำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน RBC กล่าวว่าผลการประชุมถือว่าประสบความสำเร็จเพราะทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจและมีความสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันอย่างมาก กระนั้นสำหรับกรณีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนนั้นมีความพยายามที่จะบรรจุคำในข้อตกลงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศพม่าเพราะเขาเข้าใจว่าเป็นของเขา จากนั้นให้ระบุข้อความโดยให้ฝ่ายไทยได้อธิบายว่าเหตุใดฝ่ายไทยจึงเข้าใจว่าเป็นของฝ่ายไทย ซึ่งตรงนี้ยืนยันว่าเป็นความพยายามของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองเลขาที่มาจากกระทรวงต่างประเทศพม่าเท่านั้นไม่ได้เป็นฝ่ายทหาร ซึ่งฝ่ายไทยได้เจรจาเพื่อไม่ให้บรรจุข้อความดังกล่าวได้สำเร็จ และได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายทหารของพม่าเป็นอย่างดี
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวอีกว่าพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวไม่สามารถจะตัดสินว่าเป็นของใคร และระดับอาร์บีซีก็ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือปักปันเขตแดน ต้องเสนอให้ระดับรัฐบาลหรือเจบีซี.หารือกันต่อไป
จากนั้นคณะ RBC ได้ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน ก่อนที่ฝ่ายพม่าจะเดินทางไป กทม.เพื่อพบกับ ผบ.สส.และเดินทางกลับ ประเทศพม่า
