ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- “ฝายท่าวังตาล” กั้นแม่น้ำปิงเชียงใหม่ที่ใช้ผันน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรถูกน้ำไหลเซาะจนได้รับความเสียหายบางส่วน ทำให้น้ำไม่ไหลเข้าสู่ลำเหมืองส่งน้ำ ทางจังหวัดเร่งสำรวจพร้อมเตรียมซ่อมแซมโดยเร็ว ขณะที่ชาวบ้านหวั่นฝายไม่ได้ถูกน้ำไหลเซาะจริง เหตุเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุดก่อสร้างประตูระบายน้ำที่จะต้องรื้อฝายทิ้ง
วันนี้ (4 ส.ค.) นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบฝายท่าวังตาล ซึ่งเป็นฝายหินทิ้งกั้นแม่น้ำปิงเพื่อผันน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอสารภี หลังได้รับรายงานว่าฝายดังกล่าวถูกกระแสน้ำไหลกัดเซาะจนพังทลายไปบางส่วนความกว้างประมาณ 6 เมตร ซึ่งเป็นความกว้างประมาณ 1 ใน 5 ของความกว้างทั้งหมด ส่งผลทำให้น้ำไม่ไหลเข้าสู่เหมืองที่ไหลไปยังพื้นที่การเกษตรเหมือนเดิม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่า ผลจากการที่ตัวฝายบางส่วนถูกกระแสน้ำไหลกัดเซาะจนได้รับความเสียในครั้งนี้ ส่งผลทำให้น้ำไม่ไหลเข้าสู่เหมือง ซึ่งส่งน้ำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกของเกษตรกร ทั้งทำนาและทำสวน โดยทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะให้ฝ่ายช่างและทางชลประทานทำการสำรวจและออกแบบซ่อมแซมฝายที่ได้รับความเสียหายโดยเร็ว ใช้งบประมาณของทางจังหวัดในการดำเนินการ
นอกจากนี้ นายไพโรจน์ กล่าวว่า จากการที่จะต้องมีการสำรวจออกแบบซ่อมแซมฝายแห่งนี้อยู่แล้ว จะถือโอกาสในการคำนวณเลยว่าผลจากการที่ตัวฝายได้รับความเสียหายเปิดเป็นช่องความกว้างประมาณ 6 เมตรนั้น สามารถระบายน้ำในแม่น้ำปิงช่วงผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ไปได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจากข้อมูลที่ได้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ พร้อมรื้อฝายเก่า 3 แห่งในแม่น้ำปิง เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ที่กำลังมีการดำเนินการอยู่
อนึ่ง สำหรับบริเวณฝายท่าวังตาลนั้น ตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ พร้อมรื้อฝายเก่า 3 แห่งในแม่น้ำปิง เพื่อบรรเทาปัญน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ถูกกำหนดให้เป็นที่ตั้งของตัวประตูระบายน้ำ ตามโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ จากการที่ฝายดังกล่าวได้รับความเสียหายในครั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวฝายนั้น เป็นเพราะถูกกระแสน้ำในแม่น้ำปิงไหลกัดเซาะจริงหรือไม่ โดยหวั่นว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่รื้อฝายเก่าทิ้งให้ได้เพื่อสร้างประตูระบายน้ำ
