พิจิตร - หลังเกิดฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้ปริมาณน้ำฝนและน้ำในแม่น้ำปิงในพื้นที่อำเภอโพทะเลเอ่อขึ้นสูง ชาวนาหวั่นข้าวที่ตั้งท้องเกือบ 2,000 ไร่ จะได้รับความเสียหาย เพราะไม่สามารถระบายน้ำได้ เนื่องจากมีการก่อสร้างสะพานและปิดการระบายน้ำ ขู่พังถนนเปิดทางน้ำ เดือดร้อนผู้ว่าฯ เจรจาสงบศึก
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ต้องเดินทางไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลทะนง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เพื่อเข้าร่วมประชุมกับชาวนาหมู่ 1 หมู่ 4 และหมู่ 5 ของตำบลทะนง อำเภอโพทะเล เกือบร้อยคน และผู้แทนของบริษัทรับเหมาก่อสร้างสะพานคลองน้ำไหล บริเวณหมู่ที่ 1 โดยมีนายอำเภอโพทะเล เข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างสะพานได้ปิดกั้นทางระบายน้ำเพื่อเทคอนกรีตเสาตอหม้อ ซึ่งทำให้น้ำไม่มีทางระบาย และเอ่อเข้าพื้นที่นาข้าวที่กำลังตั้งท้องเป็นพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ และจากระยะที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับน้ำจากแม่น้ำปิงหลากลงมา จะทำให้ต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องดังกล่าวได้รับความเสียหาย
เบื้องต้นกลุ่มชาวนาได้เรียกร้องให้มีการเปิดทางระบายน้ำภายใน 3 วัน มิฉะนั้นก็จะรวมตัวกันพังถนนที่ขวางทางน้ำ เพื่อเปิดทางระบายน้ำเอง โดยทางบริษัทผู้รับเหมารับข้อเสนอจะทำการเปิดทางระบายน้ำให้ภายในวันที่ 12 มิถุนายน 51 หลังชาวบ้านขู่ว่าจะไม่ยอมให้ข้าวถูกน้ำท่วมตาย โดยภายใน 3 วันนี้ ยังไม่เปิดทางน้ำให้ก็จะรวมตัวใช้จอบใช้เสียมพังถนนลาดยางให้เป็นทางระบายน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้พังถนนไปแล้วจุดหนึ่งแก้ปัญหาด้วยตัวเองมาแล้ว
ทั้งนี้ จากการสำรวจจุดบริเวณก่อสร้างสะพาน ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรได้แนะนำให้บริษัทผู้รับเหมาทำการสร้างคลองระบายน้ำชั่วคราวเลี่ยงจุดก่อสร้างไปยังท้ายน้ำ ซึ่งจะทำให้นาข้าวรอดพ้นจากน้ำท่วมและสะพานก็จะไม่ได้รับความเสียหายด้วย แต่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 12 มิถุนายน ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งชาวนาเชื่อถือคำพูดของผู้ว่าฯ ที่เข้าสงบศึกจึงได้สลายตัวไปในเวลาต่อมา
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ต้องเดินทางไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลทะนง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เพื่อเข้าร่วมประชุมกับชาวนาหมู่ 1 หมู่ 4 และหมู่ 5 ของตำบลทะนง อำเภอโพทะเล เกือบร้อยคน และผู้แทนของบริษัทรับเหมาก่อสร้างสะพานคลองน้ำไหล บริเวณหมู่ที่ 1 โดยมีนายอำเภอโพทะเล เข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างสะพานได้ปิดกั้นทางระบายน้ำเพื่อเทคอนกรีตเสาตอหม้อ ซึ่งทำให้น้ำไม่มีทางระบาย และเอ่อเข้าพื้นที่นาข้าวที่กำลังตั้งท้องเป็นพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ และจากระยะที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับน้ำจากแม่น้ำปิงหลากลงมา จะทำให้ต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องดังกล่าวได้รับความเสียหาย
เบื้องต้นกลุ่มชาวนาได้เรียกร้องให้มีการเปิดทางระบายน้ำภายใน 3 วัน มิฉะนั้นก็จะรวมตัวกันพังถนนที่ขวางทางน้ำ เพื่อเปิดทางระบายน้ำเอง โดยทางบริษัทผู้รับเหมารับข้อเสนอจะทำการเปิดทางระบายน้ำให้ภายในวันที่ 12 มิถุนายน 51 หลังชาวบ้านขู่ว่าจะไม่ยอมให้ข้าวถูกน้ำท่วมตาย โดยภายใน 3 วันนี้ ยังไม่เปิดทางน้ำให้ก็จะรวมตัวใช้จอบใช้เสียมพังถนนลาดยางให้เป็นทางระบายน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้พังถนนไปแล้วจุดหนึ่งแก้ปัญหาด้วยตัวเองมาแล้ว
ทั้งนี้ จากการสำรวจจุดบริเวณก่อสร้างสะพาน ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรได้แนะนำให้บริษัทผู้รับเหมาทำการสร้างคลองระบายน้ำชั่วคราวเลี่ยงจุดก่อสร้างไปยังท้ายน้ำ ซึ่งจะทำให้นาข้าวรอดพ้นจากน้ำท่วมและสะพานก็จะไม่ได้รับความเสียหายด้วย แต่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 12 มิถุนายน ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งชาวนาเชื่อถือคำพูดของผู้ว่าฯ ที่เข้าสงบศึกจึงได้สลายตัวไปในเวลาต่อมา