ศูนย์ข่าวศรีราชา - “มิ่งขวัญ” ชี้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 มีกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เฉพาะค่าใช้จ่ายด้านพลังงานน้ำมันของไทยสูงถึงร้อยละ 80 หรือประมาณ 0.8-1.0 ล้านล้านบาท วอนช่วยกันลดปริมาณการใช้พลังงานจะช่วยวิกฤติชาติได้ แนะบริหารจัดการพื้นที่อย่างสมดุลเพื่อดำเนินการพัฒนาเพาะปลูกพืชพลังงานทดแทน
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการสัมมนาวิชาการประจำปี 2551 เรื่อง “ยุทธศาสตร์ประเทศไทยเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน” ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรีว่า นอกเหนือจากตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าวแล้ว ตนยังมีตำแหน่งสำคัญอีกตำแหน่งหนึ่งคือ ตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารจัดการอาหารและพลังงานเพื่อรองรับวิกฤตโลก ซึ่งได้ติดตามเรื่องสถานการณ์การใช้พลังงานน้ำมันในประเทศอย่างใกล้ชิดและขณะนี้พบว่าราคาน้ำมันน้ำมันในปัจจุบันมีความผันผวน และเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับปัญหาเรื่องวิกฤตอาหารโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะน้ำมันก็เป็นต้นทุนหนึ่งในการขับเคลื่อนด้านอื่นๆ อย่างเป็นภาพรวม
ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีปริมาณรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกและอื่นๆ ที่ใช้พลังงานน้ำมันสูงถึง 25.7 ล้านคัน ทำให้มีการใช้พลังงานน้ำมันเป็นจำนวนมากทั้งในเรื่องของระบบขนส่งมวลชนและคาบเกี่ยว ซึ่งตรงนี้ต้องมีการบริหารจัดการในเรื่องการใช้พลังงานอย่างรัดกุม เพราะค่าใช้จ่ายของประเทศด้านพลังงานทั้งการนำเข้าและอื่นๆ ประมาณ 0.8-1.0 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 80% ของงบประมาณรายจ่ายของประเทศประจำปี 2552 ที่มีจำนวน 1.8 ล้านล้านบาท นับว่าเป็นรายจ่ายค่อนข้างสูงมาก ทั้งนี้หากมีการปรับลดปริมาณการใช้น้ำมันลงได้ จะช่วยประหยักค่าใช้จ่ายของประเทศได้อีกมหาศาล และอาจช่วยประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตเรื่องดังกล่าวไปได้
นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญเราต้องพิจารณาความเหมาะสมของการใช้เชื้อเพลิงแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม ต้องทำความเข้าใจเรื่องพลังงานอย่างกว้างขวางกับทุกภาคส่วน และสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนตัวอื่น รวมไปถึงพืชพลังงาน ที่สำคัญต้องมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับเพาะปลูกพืชพลังงานอย่างสมดุลโดยไม่ไปกระทบพืชเกษตร และปัญหาความเจริญเติบโตของเมือง ประกอบปัญหาปริมาณประชากรที่มีจำนวนมากขึ้น ตรงจุดนี้จะทำให้เกิดปัญหาการจัดสรรพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเรื่องดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบได้ หลายหน่วยงานจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลในการดำเนินการและบริหารจัดการพื้นที่อย่างรัดกุม
อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ต้องมีความชัดเจนในการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งต้องมีนโยบายที่เป็นรูปธรรมในการดำเนินการจัดการใช้พื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานที่มีความสมดุลกับองค์ประกอบโดยรวมของประเทศ และไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชนทั้งในเขตชุมชนนอกตัวเมืองและในตัวเมือง ทั้งนี้ประเทศไทยมีความได้เปรียบเรื่องแหล่งอาหารแต่ต้องมีการบริหารจัดการ
ที่สำคัญคนไทยต้องส่งสัญญาณความต้องการในการใช้พลังงานว่าต้องการในรูปแบบใด ดำเนินการแบบไหน ต่อภาคอุตสาหกรรมเพื่อจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลเอาไปดำเนินการจัดสรรทุกอย่างอย่างลงตัวต่อไปในอนาคต ซึ่งต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วนจึงจะสามารถทำให้เกิดความอยู่ดีกินดีในประเทศ และนำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตในเรื่องดังกล่าวได้
