สทน. ร้อง “ชุมพล” วอนช่วยผู้ประกอบการบริษัททัวร์ก่อนเจ๊ง หลังส่งเรื่องร้องรัฐแล้วแต่เงียบหาย ระบุ 3 เดือนแรก คนไทยใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยวลดฮวบ 40% ด้าน ททท.อ้างหมดงบเมินช่วยเหลือ
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ สทน. จะเข้าพบนายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอคำชี้แจงความล่าช้าในสิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นเสนอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือติดต่อจากภาครัฐเลย
โดยที่ผ่านมา ภาคเอกชนท่องเที่ยวต้องดิ้นรนหาทางช่วยเหลือกันเองเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด เช่นเรื่องการจัดงานส่งเสริมการขาย และล่าสุด สทน.ก็อยู่ระหว่างการเตรียมจัดงานส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้ง ด้วยงบประมาณ กว่า 10 ล้านบาท โดยขอให้ ททท.จัดสรรงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือ 3-5 ล้านบาท ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
ขณะที่งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ที่ ททท.เตรียมจะจัดขึ้นในเดือนมิ.ย.นี้ สทน.ได้เสนอขอให้ ททท.ลดค่าเช่าบูทแก่ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเข้าร่วมงานเหลือ 5-8 พันบาทต่อบูท แต่ททท.กลับไม่สนใจจะช่วยเหลือ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีงบประมาณ และ ยืนยันที่จะขายบูทในราคา 1.8-2 หมื่นบาท เช่นเดิมแสดงว่า ททท.ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าขณะนี้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวอยู่ในสถานะที่ลำบาก เนื่องจาก 3 เดือนแรกที่ผ่านมา จำนวนคนไทยที่ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวลดลง 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คนไทยท่องเที่ยวในประเทศใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยวก็ลดลงถึง 40% ซึ่งลดลงไปในทิศทางเดียวกันกับอัตราเข้าพักโรงแรมที่ลดลงเหลือเฉลี่ยที่ 50-60% เช่นกัน
“จากตัวเลขที่ลดลงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งที่เทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดยาว บวกกับเป็นช่วงปิดเทอม เป็นช่วงที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวแต่ปีนี้ กลับมีตัวเลขที่ลดลง ดังนั้นหากรัฐบาลไม่เร่งหาทางช่วยเหลือบริษัทนำเที่ยวภายในประเทศพวกเราก็คงไม่สามารถทนกับสภาวะเช่นนี้ต่อไปได้ ผลที่ตามมาคือการเลิกจ้างงาน”
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ สทน. จะเข้าพบนายชุมพล ศิลปะอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอคำชี้แจงความล่าช้าในสิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นเสนอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือติดต่อจากภาครัฐเลย
โดยที่ผ่านมา ภาคเอกชนท่องเที่ยวต้องดิ้นรนหาทางช่วยเหลือกันเองเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด เช่นเรื่องการจัดงานส่งเสริมการขาย และล่าสุด สทน.ก็อยู่ระหว่างการเตรียมจัดงานส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้ง ด้วยงบประมาณ กว่า 10 ล้านบาท โดยขอให้ ททท.จัดสรรงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือ 3-5 ล้านบาท ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
ขณะที่งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ที่ ททท.เตรียมจะจัดขึ้นในเดือนมิ.ย.นี้ สทน.ได้เสนอขอให้ ททท.ลดค่าเช่าบูทแก่ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเข้าร่วมงานเหลือ 5-8 พันบาทต่อบูท แต่ททท.กลับไม่สนใจจะช่วยเหลือ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีงบประมาณ และ ยืนยันที่จะขายบูทในราคา 1.8-2 หมื่นบาท เช่นเดิมแสดงว่า ททท.ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าขณะนี้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวอยู่ในสถานะที่ลำบาก เนื่องจาก 3 เดือนแรกที่ผ่านมา จำนวนคนไทยที่ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวลดลง 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คนไทยท่องเที่ยวในประเทศใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยวก็ลดลงถึง 40% ซึ่งลดลงไปในทิศทางเดียวกันกับอัตราเข้าพักโรงแรมที่ลดลงเหลือเฉลี่ยที่ 50-60% เช่นกัน
“จากตัวเลขที่ลดลงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งที่เทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดยาว บวกกับเป็นช่วงปิดเทอม เป็นช่วงที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวแต่ปีนี้ กลับมีตัวเลขที่ลดลง ดังนั้นหากรัฐบาลไม่เร่งหาทางช่วยเหลือบริษัทนำเที่ยวภายในประเทศพวกเราก็คงไม่สามารถทนกับสภาวะเช่นนี้ต่อไปได้ ผลที่ตามมาคือการเลิกจ้างงาน”