ศูนย์ข่าวขอนแก่น-นักวิจัยม.ขอนแก่นจับมือเอกชน รุกวิจัยอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันกับเครื่องยนต์ นำหลักการชดเชยอากาศ ทำเครื่องยนต์เบนซินเผาไหม้สมบูรณ์ และปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้เหมาะกับการเผาไหม้ในเครื่องดีเซล เชื่อประหยัดน้ำมันขึ้นประมาณ 20% ด้านภาคเอกชนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ชูเป็น Thailand Product โอ่กระแสตอบรับสูง ยอดขายสะสมมากกว่า 5 แสนชุดแล้ว พร้อมรุกต่อยอดอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันรองรับเครื่องยนต์ NGV คาดได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ปลายปีนี้
ปัญหาวิกฤติพลังงานปี 2551 ที่น้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้ยานพาหนะเดินทางเป็นหลัก ต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันแพงมากกว่ากลุ่มอื่น หลายหน่วยงานเร่งค้นคว้าวิธีการประหยัดน้ำมัน เพื่อลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถยนต์ลงให้มากที่สุด
กรณีปัญหาดังกล่าว มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ บริษัท Pro - R กรุ๊ป จำกัด ได้ร่วมกันคิดค้นอุปกรณ์ประหยัดนำมัน 3 ผลิตภัณฑ์ ICC System (ICC) สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน , อุปกรณ์ Diesel Economizer (DE) , และ ICC - D สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขึ้น เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์สามารถเผาไหม้สมบูรณ์ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันและลดภาวะโลกร้อนลงได้
ผศ.พนมกร ขวาของ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า จากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ บริษัท Pro - R กรุ๊ป หน่วยงานภาคเอกชนที่มีส่วนสำคัญผลักดันให้ผลงานวิจัยครั้งนี้ สามารถผลิตผลงานออกมาในเชิงพาณิชย์ได้ ประกอบกับม.ขอนแก่นได้รับทุนสนับสนุนงานวิจัย จากโครงการ ITAP ของ สวทช. และโครงการ IRPUS จาก สกว. และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการศึกษางานวิจัยผลิตภัณฑ์ช่วยประหยัดน้ำมันครั้งนี้ เพื่อแก้วิกฤติพลังงานที่รุนแรงในปัจจุบัน
หลักการทำงานของ ICC System (ICC) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชดเชยอัตราส่วนผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ (Combustion Ratio) ทำให้เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงดีขึ้น และใกล้เคียงกับการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ซึ่งอุปกรณ์ ICC จะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนเข้าไปในห้องประจุไอดี โดยไม่ผ่านการควบคุมของหน่วยความจำอิเล็กทรอนิกส์
ทำให้มี Free Air เข้าไปในห้องเผาไหม้ตามความต้องการจริง เพื่อชดเชยปริมาณออกซิเจนที่ขาดไปในรอบของเครื่องยนต์ ที่มีรอบตั้งแต่ปานกลาง ถึง รอบสูง เพื่อให้อัตราส่วนของน้ำหนักน้ำมันต่ออากาศ อยู่ระหว่าง 1:14 ถึง 1:15.70
ผศ.พนมกร กล่าวต่อว่า หลักการทำงานของ Diesel Economizer (DE) สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล DE เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของน้ำมันเพื่อให้มีสภาวะพร้อมใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยนำหลักการ ถ่ายเทความร้อนผ่านอุปกรณ์เข้าสู่น้ำมัน ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้กับน้ำมัน เพื่อลดพลังงานพันธะของโมเลกุล ทำให้ความหนาแน่น ความถ่วงจำเพาะ และ ความหนืดของน้ำมันลดลง เกิดเป็นละอองฝอยได้ดี
ส่งผลให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ขึ้นโดยอุปกรณ์ DE จะนำความร้อนที่ถูกทิ้งไปกับการระบบระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ ให้กลับมาใช้เพิ่มอุณหภูมิแก่น้ำมัน ให้มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 63 - 67 องศาเซลเซียล เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้เชื้อเพลิง เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 20 -25 องศาเซลเซียล จะทำให้ปริมาตรน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 6.5-7.2 %
ต่อมาภายหลัง ทีมนักวิจัยได้คิดค้นอุปกรณ์ ICC – D ที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ อุปกรณ์ICC ที่ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินให้สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ เพื่อให้เครื่องยนต์ดีเซลสามารถประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน ICC , DE และ ICC – D นับเป็นนวัตกรรมใหม่เกิดจากฝีมือของคนไทย จากหลักการที่เครื่องยนต์สามารถเผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นประมาณ 20% ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจในลดนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ และที่สำคัญลดภาวะโลกร้อนจากเผาไหม้สมบูรณ์ ลดกาซ CO2 สู่อากาศลงได้
ด้านนายรุ่งศักดิ์ วิเศษศักดิ์ ประธานกรรมการบริษัท โปรอาร์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำมันทั้ง 3 ชนิด เกิดผลต่อเนื่องมาจากงานวิจัยทางวิชาการ ที่ใช้ทุนสนับสนุนสวทช. การนำแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำมัน บริษัทฯมุ่งหวังพัฒนาให้เป็น Thailand Product รูปแบบการทำตลาดไม่ได้เล็งผลเลิศในแง่กำไรการขาย แต่ต้องการตอบสนองให้เกิดประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้รถยนต์มากที่สุด ด้วยการกำหนดราคาต่ำ ให้ประชาชนสามารถใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีราคาถูกมากที่สุด
ด้วยกลไกการทำงานของผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำมันทั้ง 3 ชนิด มีระบบการทำงานไม่สลับซับซ้อน เห็นผลจริง ที่ผ่านมาได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ จากหลายหน่วยงาน รวมถึงการมีศูนย์บริการติดตั้ง พร้อมบริการหลังการขาย จึงทำให้ ผู้ใช้รถยนต์ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์เบนซิน นิยมติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันทั้ง 3 ชนิดสูงมาก
หลังจากที่บริษัท โปรอาร์กรุ๊ป ได้นำผลงานวิจัยทางวิชาการมาปรับเป็นผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2545 โดยผลิตภัณฑ์ชนิดแรกคือ ICC ใช้ในเครื่องยนต์ ทำตลาดทั่วประเทศ จากนั้นจึงทำผลิตภัณฑ์ DE ปรากฎว่าได้รับการตอบจากผู้ใช้รถยนต์สูงมาก ล่าสุดผลการทำตลาดทั่วประเทศและส่งออกผลิตภัณฑ์ ICC และ DE มียอดขายสะสมมากกว่า 500,000 ชิ้นแล้ว ส่วนผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือ ICC-D มียอดขายรวมประมาณ 60,000 ชิ้น
นายรุ่งศักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำมันราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำมันทั้ง 3 ชนิด จะได้รับการตอบรับจากประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยบริษัทฯ จะสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในด้านการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำมันชนิดใหม่ตอบสนองความต้องการมากขึ้น
ทั้งนี้กระแสตอบรับพลังงานทดแทนน้ำมัน ปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้แก๊สแทนน้ำมัน ทั้งแก๊ส LPG และแก๊ส NGV สูงมาก และมีแนวโน้มเพิ่มอีกมาก โดยเฉพาะ NGV ที่รัฐมีนโยบายสนับสนุน จะมุ่งเน้นในทิศทางดังกล่าว โดยผศ.พนมกร อยู่ระหว่างการต่อยอดงานวิจัยอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันให้สามารถรองรับเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊ส NGV คาดว่าจะสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่รองรับเครื่องยนต์ NGV ได้ภายในสิ้นปีนี้