ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ชาวโคราชระดมเครื่องอุปโภคบริโภค-เงินบริจาคมอบช่วยเหลือทหารหาญปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดินไทยที่ชายแดนเขาพระวิหาร “แม่ทัพภาค 2” เผยขวัญกลังทหารไทยดีเยี่ยม พร้อมปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยตามผู้บังคับบัญชามอบหมาย ระบุเสริมทหารเพิ่มเพื่อมั่นใจในความปลอดภัยและตรึงกำลังอย่างเข้มงวดต่อไป ย้ำกำลังพลทุกนายอดทนระมัดระวังไม่กระทบกระทั่งทหารเขมรกลายเป็นปัญหาลุกลามใหญ่โต เผยเตรียมพร้อมอพยพ ปชช.-นร.ในพื้นที่ไว้หมดแล้วหากเกิดเหตุความไม่สงบขึ้น
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) รับมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม และเงินบริจาคจากภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งนำโดย นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เพื่อนำไปช่วยเหลือและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมถึงข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาทเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ตรึงกำลังเป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้
พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ขวัญและกำลังใจของทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่พิพาทเขาพระวิหารทุกคนยังคงมีกำลังใจที่ดี มีความพร้อมในการปฏิบัติงานสามารถที่จะปฏิบัติงานต่อไปได้ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย และทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไว้อย่างเต็มที่ ส่วนความสัมพันธ์กับทหารกัมพูชายังดีอยู่ เพราะทหารบางคนก็รู้จักกันดี สามารถพูดจากันได้ ทุกคนก็พยายามอยู่กันอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งหรือมีปัญหาลุกลามเกิดขึ้น
ส่วนกรณีการป้องกันการปะทะกันของประชาชนทั้งฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะเดินทางไปชุมนุมในช่วงวันหยุดกับประชาชนชาวกันทรลักษ์ เตรียมการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า การดูแลประชาชนในพื้นที่ที่แสดงออกถึงความรักชาติ ทางทหารได้ประสานไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ให้เข้ามาดูแลประชาชนในพื้นที่ เพราะทุกคนก็มีความหวังดีต่อประเทศชาติ แสดงออกถึงความรักชาติทั้งนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของฝ่ายพลเรือนและตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับประชาชนหมู่บ้านชายแดนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเขาพระวิหาร ทางจังหวัดศรีสะเกษได้ร่วมกับทหารในพื้นที่เตรียมความพร้อมประชาชน รวมถึงครู นักเรียนไว้เรียบร้อยแล้วในการอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย หากมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรถถังหรืออาวุธหนักเข้าไปเพิ่มเติมในพื้นที่เขาพระวิหารแต่อย่างใด ส่วนการเสริมกำลังไปเพิ่มเติมนั้น เราก็ดำเนินการเพื่อประกันความปลอดภัยของทหารเราในการปฏิบัติหน้าที่ และยังคงตรึงกำลังอย่างเข้มงวดต่อไป
“การเจรจาหาข้อยุติเป็นเรื่องของรัฐบาล 2 ประเทศที่จะไปพูดคุยตกลงกัน ส่วนการดูแลปกป้องอธิปไตยในพื้นที่รับผิดชอบเป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 2 ก็ทำให้ดีที่สุด ซึ่งหลังการเจรจาของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) สมัยวิสามัญครั้งที่ 6 ที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันจันทร์ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งกำชับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่พิพาทดังกล่าวได้ใช้ความอดทน ระมัดระวังอย่าให้เกิดการกระทบกระทั่งเป็นปัญหาลุกลามใหญ่โตขึ้น ทหารไทยเราก็ดูแลพื้นที่ที่เป็นของเราไว้เพื่อไม่ให้เสียดินแดน ในส่วนของเขมรเขาก็ดูแลพื้นที่ที่เขาคิดว่าเป็นของเขา เพราะถือแผนที่กันคนละฉบับ ฉะนั้น การมาดูแลพื้นที่ร่วมกัน เราก็ต้องใช้ความอดทนให้มาก และต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” พล.ท.สุจิตร กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า เรามีความมั่นใจมากน้อยเพียงใดว่า ทหารของกัมพูชาจะมีความอดทนเหมือนเช่นทหารไทยในการหลีกเลี่ยงการปะทะกัน พล.ท.สุจิตร บอกว่า เราคิดว่าทั้งสองฝ่ายต้องใช้วิธีการหลายอย่างที่จะดูแลในเรื่องนี้
