ศรีสะเกษ- ชาวบ้านหมู่บ้านชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมอพยพหากเกิดการสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บนเขาพระวิหาร เผย เป็นไปได้ไม่อยากให้รบกัน เพราะนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทั้ง 2 ฝ่าย และ ปชช.ได้รับผลกระทบด้วย ขณะที่หน่วยกู้ระเบิดเตรียมพร้อมขุดหลุมหลบภัยช่วยเหลือชาวบ้านทันที ที่ได้รับการร้องขอ ด้าน ร.ร.ภูมิซรอล นำ นร.ซ้อมแผนอพยพเป็นวันที่ 2 วอนอย่ารบกัน ส่วนสถานการณ์บนเชิงเขาพระวิหารทั้ง 2 ฝ่าย ยังตรึงกำลังกันอย่างเต็มที่ และทหารไทยสับเปลี่ยนกำลังบางส่วน แต่บรรยากาศไม่ตึงเครียด
วันนี้ (22 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษ ว่า จากผลการเจรจาของที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 6 ที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันนี้ (21 ก.ค.) ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหารได้นั้น ได้ทำให้ประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวไทยแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เกิดความวิตกกังวลและหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นต่อสถานการณ์ การสู้รบระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บนเขาพระวิหารที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่า ชาวบ้านเหล่านี้จะคุ้นเคย กับภาวะการสู้รบตามแนวชายแดน ที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารทั้ง 2 ฝ่ายนั้นล้วนมีอานุภาพรุนแรงกว่าอดีตมาก โดยเฉพาะหากมีการยิงกระสุนปืนใหญ่เข้ามาในเขตแดนไทยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามชายแดนก็จะได้รับอันตรายได้
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาพระวิหารประมาณ 10 กิโลเมตร ก็ยังคงพากันดำเนินชีวิตตามปกติ แม้จะมีความหวาดกลัวเกรงว่าจะมีการสู้รบเกิดขึ้นก็ตาม
นายประสงค์ อาจเอี่ยม อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/4 หมู่ 13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ครอบครัวตนและญาติพี่น้องทุกคนต่างก็กลัวว่าจะมีการสู้รบระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาขึ้น ที่เขาพระวิหาร ซึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนทหารกัมพูชาสู้รบกันเองภายในประเทศ ก็เคยมีกระสุนปืนใหญ่ยิงเข้ามาตกในเขต ต.เสาธงชัย หลายลูก ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนชาวบ้าน ที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกหนีไม่พ้น
“หากครั้งนี้มีการสู้รบขึ้นอีก พวกเราก็พร้อมอพยพหนีไปอยู่ที่อื่นๆ ที่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมแผนรองรับ ในการอพยพประชาชนหนีภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นไว้แล้ว แต่หากเป็นไปได้พวกเราไม่อยากให้เกิดการสู้รบกันขึ้นอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้สูญเสียทั้งชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและทหารทั้ง 2 ประเทศด้วย” นายประสงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับหน่วยปฏิบัติการกู้ระเบิดของมูลนิธิถนนแห่งสันติภาพ ซึ่งได้ย้ายฐานปฏิบัติการจากอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร พร้อมนำรถกู้เก็บกับระเบิดและรถแบ็คโฮมาตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ อยู่ในขณะนี้
เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการกู้ระเบิดเหล่านี้ แจ้งว่า พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการขุดหลุมหลบภัยให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หากมีการร้องขอเข้ามาเพราะมีความพร้อมทั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและกำลังพล อยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ที่โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญรวม พงษาปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูมิซรอล และคณะครู ได้นำนักเรียนทั้งหมดกว่า 400 คน ทำการซักซ้อมแผนการอพยพออกจากโรงเรียนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งการวิ่งเข้าหลุมหลบภัย หากมีการสู้รบเกิดขึ้นเป็นวันที่ 2 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น
ด.ญ.พรรฤดี แก้วลอย อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ร.ร.บ้านภูมิซรอล กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ นักเรียนมีความหวาดกลัวมาก หากเป็นไปได้ไม่อยากให้ทหารไทย และทหารกัมพูชาสู้รบกัน เพราะจะทำให้เสียเลือดเนื้อทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งไทยและกัมพูชาเปรียบเสมือนญาติพี่น้องกัน ควรจะใช้วิธีแก้ไขปัญหาเขาพระวิหารด้วยการเจรจาจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับบรรยากาศตลอดทั้งวันนี้ (22 ก.ค.) ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังจากที่ประชุม จีบีซี ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ปรากฏว่า ทหารไทย และทหารกัมูชา ก็ยังคงตรึงกำลังกันอยู่อย่างเต็มที่ แม้ช่วงนั่งรับประทานอาหารก็มีการถืออาวุธติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะทหารแต่ละฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ถึง 20 เมตรเท่านั้น แต่บรรยากาศไม่ได้ตรึงเครียดแต่อย่างใด โดยทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังคงสนทนาปราศรัยด้วยมิตรไมตรีตามปกติเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ขณะที่ทหารไทยส่วนหนึ่งได้มีการสับเปลี่ยนกำลังเพื่อให้ทหารไทยชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน