บุรีรัมย์- “โสภณ เพชรสว่าง” ร่วมกลุ่มการเมืองภาคประชาชนบุรีรัมย์ เตรียมฟ้องดำเนินคดีม็อบถ่อยต้านพันธมิตรฯทาสแก๊ง“ยี้ห้อย”กลุ่มอำนาจเก่าที่เข้าปิดล้อมขัดขวางการเปิดเวทีปราศรัย-ทำร้ายร่างกายและขู่บังคับให้รื้อเวทีพันธมิตรฯบุรีรัมย์จนต้องยุติการปราศรัย พร้อมร้องเอาผิดตร.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้กลุ่มคนใช้กฎหมู่ทำร้ายปชช. จี้นายกฯ “หมัก”ออกมารับผิดชอบต่อคนทั้งประเทศกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชากรณีปราสาทพระวิหาร ขัดรธน. ลั่นเปิดเวทีปราศรัยอีก 24 ก.ค. นี้
ช่วงเย็นวันนี้ ( 13 ก.ค.)กลุ่มการเมืองภาคประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ นำโดย นายโสภณ เพชรสว่าง อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส. บุรีรัมย์ พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรฯ บุรีรัมย์ , องค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ, กลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ ,ชมรมทหารกองหนุน , เครือข่ายพลังแผ่นดิน และองค์กรภาคประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์อีกหลายกลุ่มองค์กร ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าว ที่สำนักงาน “โสภณ เพชรสว่าง” ต.อิสาน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส. บุรีรัมย์ กล่าวว่า กลุ่มพวกเรา เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลกว่า 1,000 คน หรือ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มเครือข่ายชาวบุรีรัมย์ไม่เอาพันธมิตรฯ” ที่ได้นำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง เข้าไปปิดล้อมก่อกวนขัดขวางการเปิดเวทีปราศรัยของเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่บริเวณหลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 12 ก.ค.) จนเกิดการกระทบกระทั่งชกต่อยทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
รวมทั้งใช้กฎหมู่ขู่บังคับให้รื้อเวที จนต้องล้มเลิกการปราศรัยเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ารุนแรง ซึ่งการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าว เป็นการขัดขวางการชุมนุมโดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ทั้งข่มขืนใจให้จำยอมต้องรื้อเวที และทำร้ายร่างกายผู้ร่วมชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธ
นอกจากนั้นจะทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สอบสวนเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ที่ปล่อยให้กลุ่มคนใช้กฎหมู่เข้าไปคุกคามการเปิดเวทีปราศรัยแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย จนก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทำร้ายร่างกายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายโสภณ กล่าวอีกว่า การเปิดเวทีปราศรัย เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ไม่ได้ต้องการจะโจมตีหรือกล่าวหาใคร แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร และเปิดตัวกลุ่มการเมืองภาคประชาชนของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่จะให้ความช่วยเหลือในการรับเรื่องร้องทุกข์ของพี่น้องประชาชน ที่เดือดร้อนหรือถูกรังแกโดยไม่ชอบธรรมเท่านั้น
ไม่มีจุดประสงค์จะเปิดเวทีเพื่อโจมตีใส่ร้ายใคร แต่กลับมาถูกกลุ่มการเมืองอำนาจเก่าระดมคนมาคุกคามก่อกวน จนทำให้เกิดการปะทะชกต่อยชุลมุน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง อีกทั้งได้กระทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับมิได้ห้ามปราบแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ยืนยันว่ากลุ่มการเมืองภาคประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ ยังจะร่วมกับหลายกลุ่มองค์กร เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในวันที่ 24 ก.ค. นี้อีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะถือว่าไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง และเพื่อความชอบธรรมของประชาชนชาว จ.บุรีรัมย์ และคนไทยทั้งประเทศ
นายโสภณ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมารับผิดชอบแถลงอย่างเปิดเผยต่อคนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า คณะรัฐมนตรีไม่มีอำนาจโดยชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กรณีสนับสนุนขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร
จนส่งผลให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารย์ รวมทั้งประท้วงกรรมการมรดกโลกที่ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้เพียงฝ่ายเดียว ทำให้กระทบกับพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นเขตแดนของไทย ความผิดพลาดดังกล่าวทำให้ไทยต้องเสียโอกาสหลายๆ ด้าน ซึ่งจะเห็นได้ว่า วันที่ 1 ก.พ. 2552 ปีหน้านี้ ประเทศกัมพูชาจะขีดเส้นจัดสรรในการพัฒนาเพียงฝ่ายเดียว ทำให้ประเทศไทยต้องเสียสิทธิ์ไป
“หากนายกรัฐมนตรียังเพิกเฉย ไม่ออกมาชี้แจงให้คนทั้งประเทศเข้าใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว หากมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อทวงสิทธิอันชอบธรรมที่ไหน กลุ่มการเมืองภาคประชาชนของจังหวัดบุรีรัมย์ ก็พร้อมที่จะเข้าไปร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อทวงสิทธิ์ในทุกสถานที่” นายโสภณ กล่าว