xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคำปราศรัย “สฤษดิ์” ตบหน้า “หมัก” ชี้ชัดเขาพระวิหารเป็นของคนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงาน
อดีตผู้นำแรงงานขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ตอก “หมัก” สุดมั่ว อ้างไทยไม่เคยประท้วงศาลโลกกรณียกเขาพระวิหารให้เขมร ระบุคำปราศรัยจอมพลสฤษดิ์ ชี้ชัดไทยไม่เห็นด้วยและจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใคร พร้อมลั่นทวงคืนแม้นจะผ่านไปกี่ร้อยปีก็ตาม

นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงาน กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 23.30 น.ที่ผ่านมาว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กำลังโกหกคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เราพึ่งจะมาคิดประท้วงเอาปราสาทเขาพระวิหารคืน แต่เป็นความคิดตั้งแต่สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีการยื่นหนังสือประท้วงคำพิพากษาของศาลโลกต่อเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า รัฐบาลไทยได้ประท้วง ไม่ได้นิ่งเฉยยอมรับคำพิพากษาแต่โดยดี

นอกจากนี้ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ยังแสดงความรู้สึกผ่านคำปราศรัยทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกเกี่ยวกับคดีนี้อย่างลึกซึ้ง บ่อบอกถึงสาเหตุที่ต้องยอมรับคำพิพากษาของศาล พร้อมทั้งยืนยันว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ดินแดนที่ไทยเสียไปกลับคืนมา ขณะเดียวกันคำปราศรัยของจอมพลสฤษดิ์ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจ แสดงออกถึงความรักชาติ หวงแหนผ่นดิน แตกต่างกับรัฐบาลชุดนี้ ที่กำลังขายชาติขายแผ่นดิน โดยไม่สนใจว่า ประชาชนจะขื่นขมเพียงใด

คำปราศรัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลลุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น

รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้าถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตสาห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา

เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่อน้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว

ทั้งนี้มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป

สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม

เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและข่มขืนเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฏบัติสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัติสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในอากาสอันสมควร

พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไปเนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ

ฉะนั้น แม้นว่ากัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระสวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง

เหตุการณ์เกี่ยวกัยเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า

พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุขใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย

การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย

ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้อได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป้นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่อนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป

พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืนมาให้จงได้ และให้เป็นของชาติไทย สวัสดี


กำลังโหลดความคิดเห็น