หนองคาย- กรรมการ ป.ป.ช.แจงคดีที่รับช่วงต่อ คตส.ตั้งอนุกรรมการพิจารณาเอกสารหลักฐานแล้ว 9 ป.ป.ช.พักงานอื่น เร่งสางคดีจาก คตส.ให้เร็วที่สุด ยัน ป.ป.ช.ทุกคนไม่มีธง ผิดเป็นผิด ไม่เป็นหนี้บุญคุณใคร เผยงานต่อไปจ้องเชือดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเหตุเป็นฐานใหญ่ของประเทศ มีเรื่องร้องเรียนส่ง ป.ป.ช.แล้วกว่าหมื่นเรื่อง
นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช.เปิดเผยหลังจากตรวจเยี่ยมการทำงานของคณะอนุกรรมการ ปปช.จังหวัดหนองคาย ว่า คดีต่างๆ ที่ ป.ป.ช.รับช่วงต่อจาก คตส.นั้นมีหลายส่วน ซึ่งมีคดี 5 เรื่องที่อยู่ในชั้นศาลแล้วจะโดยอัยการฟ้องเองหรือจะโดย คตส.จ้างทนายความฟ้อง อีกส่วนหนึ่งอยู่กับอัยการสูงสุด 7 เรื่อง ซึ่งคดีที่อยู่กับอัยการสูงสุดนั้นมี 2 เรื่องที่อัยการสูงสุดแจ้งมาว่าไม่สมบูรณ์ให้ตั้งกรรมการร่วม
โดยแจ้งชื่อฝ่ายอัยการ 10 คน ป.ป.ช.ก็ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมให้เท่ากันตามกฎหมายระบุไว้ให้เป็นคณะกรรมการทำงานร่วมกัน ซึ่งขณะนี้การตั้งคณะกรรมการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออัยการยังไม่แจ้งมายัง ป.ป.ช.หากแจ้งว่าคดีไม่สมบูรณ์เมื่อไหร่ ตามกฎหมายแล้วก็ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อหาข้อยุติต่อไป ภายใน 14 วัน ต้องหาข้อยุติให้ได้
คดีที่มากหรือน้อยก็แล้วแต่ อีกประมาณ 10 เรื่อง บางคดีมีการพิจารณาไปมากแล้ว บางคดีพิจารณาไปได้นิดหน่อย ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการแบ่งงานกัน ตนรับผิดชอบโครงการเอื้ออาทรซึ่งมีอยู่ 6 เรื่องที่กระจายไปหลายพื้นที่ เช่น โครงการเอื้ออาทรที่อรัญประเทศ, โครงการเอื้ออาทรที่ร่มเกล้า เป็นต้น ทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณาตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน
โดยการทำงานของ ป.ป.ช.ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องความจำเป็น เรื่องของบ้านเมืองที่ยืดเยื้อมานานแล้วหากทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏขึ้น ผู้ที่อยู่ในกระบวนการจะผิดหรือไม่ผิดก็จะได้ทราบข้อยุติที่แท้จริงเสียทีจะไม่ได้คาราคาซังค้างคาใจประชาชน ดังนั้น ขณะนี้ ปปช.ได้ชะลอเรื่องอื่นๆ ไว้ก่อน หยิบยกคดีที่รับช่วงต่อจาก คตส.เอาขึ้นมาก่อน
ส่วนในเร็วๆ นี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะชี้ชัดคดีใดได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคดี และพิจารณาเอกสารที่มีอยู่จำนวนมาก ต้องให้อนุกรรมการพิจารณาดูสำนวนเอกสารซึ่งหลายคดีก็เริ่มไปได้มากแล้ว บางเรื่องยังไม่คืบหน้ามากนัก
นายประสาท กล่าวอีกว่า ป.ป.ช.ไม่มีความหนักใจในการรับช่วงต่อจาก คตส.เนื่องจาก ป.ป.ช.ทำงานอย่างไม่มีธง ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องผิดแน่ๆ แต่ ป.ป.ช.ทำงานโดยยึดว่าคนผิดยังไงก็ผิดเมื่อมีพยานหลักฐานแน่ชัด และที่สำคัญ กรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนมีที่มาที่เป็นอิสระ ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง หรือมีพรรคพวก ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร ใจคิดว่าสิ่งใดถูกต้องก็ทำไป กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ไม่เคยมีใครมาขออะไรเลย
ก้าวต่อไป ป.ป.ช.จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องร้องเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีทั้ง อบต., อบจ.เทศบาล รวมแล้วกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ โดยหลายคนจะคิดว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นแค่เรื่องเล็ก ปลาซิวปลาสร้อย แต่แท้จริงแล้วองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ หากมีการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างกว้างขวางเช่นในปัจจุบันแล้วก็จะบั่นทอนประเทศชาติได้
ดังนั้น ป.ป.ช.จะเดินหน้าปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาถึงปปช.แล้วประมาณ 15,000 เรื่อง ที่สอบสวนและตัดสินให้มีความผิดไปแล้วก็มีบางส่วน และยังคงมีเรื่องให้พิจารณาอีกมาก
นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช.เปิดเผยหลังจากตรวจเยี่ยมการทำงานของคณะอนุกรรมการ ปปช.จังหวัดหนองคาย ว่า คดีต่างๆ ที่ ป.ป.ช.รับช่วงต่อจาก คตส.นั้นมีหลายส่วน ซึ่งมีคดี 5 เรื่องที่อยู่ในชั้นศาลแล้วจะโดยอัยการฟ้องเองหรือจะโดย คตส.จ้างทนายความฟ้อง อีกส่วนหนึ่งอยู่กับอัยการสูงสุด 7 เรื่อง ซึ่งคดีที่อยู่กับอัยการสูงสุดนั้นมี 2 เรื่องที่อัยการสูงสุดแจ้งมาว่าไม่สมบูรณ์ให้ตั้งกรรมการร่วม
โดยแจ้งชื่อฝ่ายอัยการ 10 คน ป.ป.ช.ก็ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมให้เท่ากันตามกฎหมายระบุไว้ให้เป็นคณะกรรมการทำงานร่วมกัน ซึ่งขณะนี้การตั้งคณะกรรมการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออัยการยังไม่แจ้งมายัง ป.ป.ช.หากแจ้งว่าคดีไม่สมบูรณ์เมื่อไหร่ ตามกฎหมายแล้วก็ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อหาข้อยุติต่อไป ภายใน 14 วัน ต้องหาข้อยุติให้ได้
คดีที่มากหรือน้อยก็แล้วแต่ อีกประมาณ 10 เรื่อง บางคดีมีการพิจารณาไปมากแล้ว บางคดีพิจารณาไปได้นิดหน่อย ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการแบ่งงานกัน ตนรับผิดชอบโครงการเอื้ออาทรซึ่งมีอยู่ 6 เรื่องที่กระจายไปหลายพื้นที่ เช่น โครงการเอื้ออาทรที่อรัญประเทศ, โครงการเอื้ออาทรที่ร่มเกล้า เป็นต้น ทาง ป.ป.ช.ได้พิจารณาตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน
โดยการทำงานของ ป.ป.ช.ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องความจำเป็น เรื่องของบ้านเมืองที่ยืดเยื้อมานานแล้วหากทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏขึ้น ผู้ที่อยู่ในกระบวนการจะผิดหรือไม่ผิดก็จะได้ทราบข้อยุติที่แท้จริงเสียทีจะไม่ได้คาราคาซังค้างคาใจประชาชน ดังนั้น ขณะนี้ ปปช.ได้ชะลอเรื่องอื่นๆ ไว้ก่อน หยิบยกคดีที่รับช่วงต่อจาก คตส.เอาขึ้นมาก่อน
ส่วนในเร็วๆ นี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะชี้ชัดคดีใดได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับความยากง่ายของคดี และพิจารณาเอกสารที่มีอยู่จำนวนมาก ต้องให้อนุกรรมการพิจารณาดูสำนวนเอกสารซึ่งหลายคดีก็เริ่มไปได้มากแล้ว บางเรื่องยังไม่คืบหน้ามากนัก
นายประสาท กล่าวอีกว่า ป.ป.ช.ไม่มีความหนักใจในการรับช่วงต่อจาก คตส.เนื่องจาก ป.ป.ช.ทำงานอย่างไม่มีธง ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องผิดแน่ๆ แต่ ป.ป.ช.ทำงานโดยยึดว่าคนผิดยังไงก็ผิดเมื่อมีพยานหลักฐานแน่ชัด และที่สำคัญ กรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนมีที่มาที่เป็นอิสระ ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง หรือมีพรรคพวก ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร ใจคิดว่าสิ่งใดถูกต้องก็ทำไป กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ไม่เคยมีใครมาขออะไรเลย
ก้าวต่อไป ป.ป.ช.จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องร้องเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีทั้ง อบต., อบจ.เทศบาล รวมแล้วกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ โดยหลายคนจะคิดว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นแค่เรื่องเล็ก ปลาซิวปลาสร้อย แต่แท้จริงแล้วองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ หากมีการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างกว้างขวางเช่นในปัจจุบันแล้วก็จะบั่นทอนประเทศชาติได้
ดังนั้น ป.ป.ช.จะเดินหน้าปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาถึงปปช.แล้วประมาณ 15,000 เรื่อง ที่สอบสวนและตัดสินให้มีความผิดไปแล้วก็มีบางส่วน และยังคงมีเรื่องให้พิจารณาอีกมาก