xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านฮือขับครูหนุ่มเท้าหนัก-ตื้บเด็กหญิง ป.4 จนต้องหามเข้า รพ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พะเยา - ชาวบ้านฮือขับครูหนุ่มเท้าหนักตื้บเด็กหญิง ป.4 จนเข้าโรงพยาบาลออกนอกพื้นที่ สพท.เขต 2 รับเรื่องทันทีต้องโทษทางวินัยตามระเบียบ

วันนี้ (8 ก.ค.) พ.ต.ท.สนิท วงศ์ใหญ่ สารวัตรเวร สภ.เชียงคำ อ.เชียงคำ จ.พะเยา แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา นายสง่า ศรีชัยบาล อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 45 หมู่ 13 ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ ได้เข้าแจ้งความว่า ด.ญ.สุภาภรณ์ หรือ น้องตั๊ก ศรีชัยบาล หลานสาว อายุ 10 ปี บ้านเลขที่ 45 หมู่ 13 ต.อ่างทอง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านปางมดแดง ต.อ่างทอง ได้ถูกนายมานพ อัตไพบูลย์ ครูหนุ่มวัย 37 ปี ทำร้ายร่างกาย เพราะอารมณ์โกรธด้วยการใช้เท้าเตะเข้าที่ท้อง ของ ด.ญ.สุภาภรณ์ 2 ครั้ง และ ด้านหลังจำนวน 1 ครั้ง ทำให้ ด.ญ.ตั๊ก เจ็บท้องตัวงอจนครูในโรงเรียนที่พบเห็นเหตุการณ์ได้พากันช่วยนำหลานสาวของตนส่งโรงพยาบาลเชียงคำในเวลาต่อมา

ด.ญ.สุภาภรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00-16.00 น.ของวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ได้เล่นบอลกับเพื่อนสองคนกลางสนามหญ้าในโรงเรียน ต่อมาลูกบอลกลิ้งออกไปจากสนามตนก็วิ่งตามไปเก็บลูกบอลจังหวะนั้นได้ชนกับนายมานพ ทำให้นายมานพ โกรธและทำร้ายโดยใช้เท้าเตะเข้าที่ท้องและหลังจนจุก เจ็บไปทั้งตัว

ขณะเดียวกัน ทางตำรวจได้ออกหมายเรียกนายมานพเข้ามาให้ปากคำ แต่ปรากฏว่าไม่มา โดยอ้างว่าทางชุมชนและโรงเรียนกำลังประชุมเพื่อหาทางยุติเรื่องที่เกิดขึ้น

นางสงบ ศรีชัยบาล อายุ 31 ปี แม่ของ ด.ญ.สุภาภรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อนๆ ของลูกสาวที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ยืนยันว่าครูได้ทำร้ายลูกสาวของตนจนได้รับบาดเจ็บจริง ต่อมาหลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาลเชียงคำแล้ว แพทย์ให้นอนที่ห้องฉุกเฉินเพื่อรอดูอาการ จนถึงเช้าวันนี้ (8 ก.ค. 51) แพทย์สั่งให้ออกมาพักที่บ้านเพื่อรอดูอาการอีกครั้ง ระหว่างวันลูกสาวของตนรับประทานอาหารได้น้อยลงเพราะบ่นว่าปวดท้อง แตกต่างจากปกติจะเป็นคนที่รับประทานอาหารได้มื้อละจำนวนมาก ต่อมาเวลา 14.30 น. เมื่อเห็นอาการของลูกสาวไม่ดีขึ้น ตัวเริ่มร้อนและร้องไห้เป็นระยะตนจึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลเชียงคำเพื่อให้แพทย์ดูอาการอีกครั้งหนึ่ง

ทางด้าน นายสง่า กล่าวอีกว่า เมื่อเช้านี้ (8 ก.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น.ทางผู้นำในพื้นที่ ต.อ่างทอง คณะกรรมการโรงเรียนบ้านปางมดแดง และคณะครูโรงเรียนบ้านปางมดแดง นำโดยนายสุชิน โนวิชัย ผู้อำนวยการ (ผอ.) ได้ร่วมกันประชุมเพื่อหาข้อยุติเรื่องที่เกิดขึ้น เดิมได้ข้อสรุปว่านายมานพยอมจ่ายเงิน เป็นค่าทำขวัญให้แก่นักเรียนหญิงจำนวน 40,000 บาท

พร้อมกับให้ทางโรงเรียนทำเรื่องย้ายนายมานพออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพราะการกระทำของนายมานพไม่ใช่แค่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ทางชุมชนไม่ต้องการให้เรื่องในลักษณะดังกล่าวต้องเกิดขึ้นซ้ำกับนักเรียนคนใดอีก ทั้งนี้ โรงเรียนได้มีการทำบันทึกเป็นหลักฐานในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว ส่วนกรณีการจ่ายค่าทำขวัญ หากนายมานพจ่ายให้ครบวันใดตนก็จะยอมไปถอนแจ้งความ

นายสง่า กล่าวต่อว่า แต่เมื่อหลานสาวของตนอาการไม่ดีขึ้นต้องเข้าไปโรงพยาบาลอีกรอบตนจึงต้องไปขอยกเลิกข้อตกลงเรื่องเงินค่าทำขวัญ มาถึงตอนนี้เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญอีก ชีวิตหลานของตนต้องปลอดภัยก่อน ระหว่างรอให้หลานสาวได้รับการรักษาจนหายนั้น ทางโรงเรียนจะต้องเร่งดำเนินการย้ายนายมานพออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด หรือไม่ก็ต้องให้ออกจากราชการ เพราะคนเช่นนี้ไม่ควรเป็นครูอีกต่อไป

ด้าน นายสุชิน ผอ.โรงเรียนบ้านปางมดแดง เปิดเผยหลังการประชุมเสร็จสิ้นว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้วก็มีการทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ส่วนการดำเนินการทางวินัยนั้นทางโรงเรียนจะดำเนินการเสนอย้ายครูคนดังกล่าว ซึ่งระหว่างนี้กำลังดำเนินการติดต่อโรงเรียนอื่นที่จะสามารถรับครูคนนี้ไว้ได้

ขณะที่ นายอุไร ลือชา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เขต 2 จ.พะเยา กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกระทำที่ไม่สมควรเพราะทำให้ภาพพจน์ของครูไม่ดีในสายตาของสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูผู้ชายกระทำกับเด็กผู้หญิงอายุยังน้อยในลักษณะนี้ยิ่งไม่สมควรให้เกิดขึ้น ตนจะประสานกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบให้ดูแลเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญตนไม่ต้องการให้เกิดการกระทำซ้ำกับนักเรียนผู้ใดอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน นางสาวอณิรา ธินนท์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ถึงแม้นว่าทางชุมชนและโรงเรียนจะตกลงกันได้ไม่ติดใจเอาความใด ๆ แต่ทางด้านสังคมจะต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้ครูคนนี้ได้ทำร้ายนักเรียนในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบครูจะต้องแสดงความรับผิดชอบให้มาก ด้านเด็กที่ถูกกระทำปัจจุบันมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กฯ ให้การดูแลหากไม่ได้รับความเป็นธรรมผู้ถูกกระทำหรือผู้พบเห็นสามารถเข้าแจ้งต่อหน่วยงานของรัฐได้ทุกเวลา

กำลังโหลดความคิดเห็น