ศูนย์ข่าวศรีราชา- อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ชี้ ชาติตะวันตกตั้งระเบิดเวลาทำลายรัฐชาติ ระหว่างไทยและกัมพูชา เผยเราเสีย “ปราสาทพระวิหาร” ไปแล้วเมื่อ 50 ปีก่อน เกรงอนาคตจะเป็นประเด็นแตกแยกระหว่างสองประเทศ และทำลายความสัมพันธ์ที่มีวัฒนธรรมคาบเกี่ยวกันมาอย่างช้านาน แนะรัฐบาลไทยเสนอยูเนสโกปกครอง และดูแลให้เป็นมรดกโลกร่วมกัน เพื่อสัมพันธภาพด้านวัฒนธรรมของประชาชน 2 แผ่นดิน
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก มีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนและสังคมอย่างกว้างขวางว่า เป็นปัญหาที่รัฐบาล สังคม และประชาชน ทุกคนควรมองระยะยาว
ทั้งนี้ เราเคยเสียตัวปราสาทพระวิหารไปแล้วเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งทางยูเนสโกไม่ได้พิจารณาองค์ประกอบโดยรวมของเขาพระวิหารทั้งหมด นับเป็นปัญหาในส่วนของรัฐชาติระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ซึ่งมีขนบธรรมเนียมและประเพณีวัฒนธรรมที่คาบเกี่ยวด้วยความลึกซึ้งมานานแสนนาน เพราะหากใช้ความเป็นรัฐชาติ โดยยกทั้งหมดให้เป็นของประเทศกัมพูชาก็จะเกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ เพราะคนไทยคงไม่ยอมเป็นแน่
แต่ถ้ามองในส่วนของการแบ่งสรรชัดเจนในรูปแบบของเขตแดน เขาพระวิหารทั้งหมดก็จะตกเป็นของคนไทย ซึ่งทางประเทศกัมพูชาที่มีลักษณะความเป็นอยู่แบบชาตินิยมก็คงจะไม่ยอมเช่นกัน หากตัดสินทั้งแบบแบ่งเขต หรือแบ่งแบบรัฐชาติแล้วก็จะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตระหว่างประชาชน 2 ดินแดนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เพราะในความเป็นจริงบริเวณเขาพระวิหารระหว่าง 2 ประเทศแล้ว แบ่งแยกไม่ออกในเชิงวัฒนธรรม ประเทศไทยก็ปฏิเสธไม่ได้ในการรับเอาอารยธรรมมาจากกัมพูชา จะเอามายาคติมาแบ่งแยกไม่ได้ เพราะรัฐชาติกำเนิดได้เพียง 100 กว่าปี ปัญหาที่จะตามมาจะมีอีกไม่รู้จบ เพราะรัฐชาติอาจจะง่ายต่อการปกครอง แต่ยากต่อการจัดการปัญหา ซึ่งในประเทศไทยมีหลายพื้นที่ที่ยังใช้ความเป็นรัฐชาติอยู่เป็นส่วนใหญ่ อาทิ ด้านชายแดนภาคใต้ รวมถึงชายแดนภาคตะวันออก
นายโอฬาร ให้มุมมองส่วนตัวโดยมีความเชื่อมั่นลึกๆ ว่า ปัญหาดังกล่าวมีมาอย่างยาวนาน เพราะอดีตประเทศกัมพูชาเคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตก จึงอาจมีการวางปัจจัยทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศ ที่มีอิทธิพลโดยตรงกับประเทศกัมพูชามาเป็นส่วนผลักดันให้เขาพระวิหารเป็นสมบัติโลก เพื่อผลประโยชน์คาบเกี่ยว ในด้านรายได้เชิงอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวกับประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นผลพวงทางเศรษฐกิจจากการผลักดันให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ดูแล้วเหมือนมีการตั้งระเบิดเวลาไว้ทำลาย 2 ชนชาติที่มีขนบธรรมเนียมเดียวกัน ซึ่งทุกคนรู้ดีกว่าไม่สามารถผ่าวัฒนธรรมได้
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลไทยให้ข้อมูลด้านความเป็นจริงที่ถูกต้องกับประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญเราควรตระนักว่าเราเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วเมื่อ 50 ปีก่อน อยากให้มีการเสนอข้อมูลเกี่ยวกับรัฐชาติถึงความเชื่อมโยงด้านขนบธรรมเนียมร่วมกัน ระหว่าง 2 ประเทศ และขอให้มีการดูแลเขาพระวิหารร่วมกัน ผลักดันให้เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาของโลก ให้เขาพระวิหารเป็นมหาวิทยาลัยด้านการเรียนรู้นอกระบบของ 2 ประเทศ โดยให้คนไทยและคนกัมพูชาร่วมกันดูแลรักษา ตลอดจนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาประวัติความเป็นมาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อยากให้ดูแลร่วมกัน ซึ่งหากทำได้จะเป็นการตบหน้าประเทศตะวันตกฉาดใหญ่ที่หวังจะมาทำลายความสัมพันธ์และต้องการผ่าวัฒนธรรมทั้ง 2 ประเทศ