พะเยา - บ้านเอื้ออาทรพะเยา เฟส 1 เคว้ง ถูกผู้รับเหมาทิ้งงาน-ก่อสร้างล่าช้า กลุ่มผู้จองซื้อหลายรายถูกยึดเงินจอง ต้องวิ่งหาบ้านอยู่เอง ทำให้การเคหะแห่งชาติต้องลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาพร้อมระดมสมองภาคี เร่งจัดทำแผนพัฒนาแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่โรงแรมเกทเวย์ อ.เมือง จ.พะเยา การเคหะแห่งชาติ ได้เปิดเวทีระดมสมองภาคีในพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วยภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน สื่อมวลชนและประชาชน เพื่อพิจารณาร่างแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยเมืองพะเยา ร่วมทั้งเสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแผน มีนายดำรงค์ อารีกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธาน
การเคหะแห่งชาติได้จัดทำโครงการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกันแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด โดยมอบหมายให้คณะวิชาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นผู้ดำเนินจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกันแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด ในกลุ่มจังหวัดแพร่ น่าน และพะเยา
นางพรรณนี ณ สงขลา รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน การเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ โครงการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกันแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด อยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นสุดท้าย คือ การปรับปรุงร่างแผนฯ ให้สมบูรณ์ก่อนจัดทำเป็นแผนฯ จริง โดยที่ผ่านมาได้สำรวจและเก็บข้อมูล เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและแนวโน้มการพัฒนาในอนาคต และศึกษาข้อมูลที่อยู่อาศัย สภาพปัญหา ความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับเมืองและระดับชุมชน พร้อมทั้งได้จัดกิจกรรมสร้างสมรรถนะให้ท้องถิ่น
ในส่วนของจังหวัดพะเยาได้ดำเนินการครอบคลุมทั้ง 13 ชุมชนในเขตเมือง โดยนำชุมชนวัดบุญยืน เป็นชุมชนนำร่องในการจัดทำแผนในครั้งนี้โดยเชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในเร็วนี้
ส่วนกรณีปัญหาบ้านเอื้ออาทรเฟส 1 จังหวัดพะเยา หลังพบปัญหาผู้รับเหมาก่อสร้างล้าช้า และล่าสุดพบว่ามีการทิ้งงาน ทำให้การส่งมอบบ้านไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ประชาชนที่จองบ้านเอื้ออาทรฯ จำนวนไม่น้อยกว่า 200 ราย ต้องเสียเงินมัดจำ ทั้งที่ได้มีการประสานไปยังการเคหะเชียงรายแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการคืนเงินมัดจำให้ เนื่องจากการจ่ายค่างวดไม่เป็นไปตามวันเวลาที่กำหนด ถือเป็นการผิดสัญญาที่ทำไว้ ทำให้ประชาชนหลายราย ต้องยอมเสียเงินค่ามัดจำรายละประมาณ 3,000 บาท เพื่อไปสร้างบ้านอยู่เอง เนื่องจากทนรอไม่ไหว
นางพรรณนี กล่าวว่า อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเนื่องจากเงินค่ามัดจำการเคหะคืนให้ทุกรายหาก ผู้เช่าไม่ได้รับมอบบ้านตามกำหนด ทั้งนี้จะนำปัญหาดังกล่าวรายงานผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ และอาจจะต้องมีการเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากประชาชนผู้เช้าซื้อที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งจะต้องตรวจสอบรายละเอียดทางเอกสารอีกครั้งเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาต่อไป
อย่างไรก็ตาม การเคหะแห่งชาติมีนโยบายที่จะเพิ่มจำนวนโครงการบ้านเอื้ออาทรเพิ่ม โดยปีนี้ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี จำนวน 700,000 ยูนิต แต่ได้รับอนุมัติเพียง 300,000 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้ ได้รวมโควตาที่จังหวัดพะเยาจะได้รับด้วย
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่โรงแรมเกทเวย์ อ.เมือง จ.พะเยา การเคหะแห่งชาติ ได้เปิดเวทีระดมสมองภาคีในพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วยภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน สื่อมวลชนและประชาชน เพื่อพิจารณาร่างแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยเมืองพะเยา ร่วมทั้งเสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแผน มีนายดำรงค์ อารีกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธาน
การเคหะแห่งชาติได้จัดทำโครงการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกันแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด โดยมอบหมายให้คณะวิชาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นผู้ดำเนินจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกันแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด ในกลุ่มจังหวัดแพร่ น่าน และพะเยา
นางพรรณนี ณ สงขลา รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผน การเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ โครงการจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยและแผนป้องกันแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด อยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นสุดท้าย คือ การปรับปรุงร่างแผนฯ ให้สมบูรณ์ก่อนจัดทำเป็นแผนฯ จริง โดยที่ผ่านมาได้สำรวจและเก็บข้อมูล เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและแนวโน้มการพัฒนาในอนาคต และศึกษาข้อมูลที่อยู่อาศัย สภาพปัญหา ความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับเมืองและระดับชุมชน พร้อมทั้งได้จัดกิจกรรมสร้างสมรรถนะให้ท้องถิ่น
ในส่วนของจังหวัดพะเยาได้ดำเนินการครอบคลุมทั้ง 13 ชุมชนในเขตเมือง โดยนำชุมชนวัดบุญยืน เป็นชุมชนนำร่องในการจัดทำแผนในครั้งนี้โดยเชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในเร็วนี้
ส่วนกรณีปัญหาบ้านเอื้ออาทรเฟส 1 จังหวัดพะเยา หลังพบปัญหาผู้รับเหมาก่อสร้างล้าช้า และล่าสุดพบว่ามีการทิ้งงาน ทำให้การส่งมอบบ้านไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ประชาชนที่จองบ้านเอื้ออาทรฯ จำนวนไม่น้อยกว่า 200 ราย ต้องเสียเงินมัดจำ ทั้งที่ได้มีการประสานไปยังการเคหะเชียงรายแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการคืนเงินมัดจำให้ เนื่องจากการจ่ายค่างวดไม่เป็นไปตามวันเวลาที่กำหนด ถือเป็นการผิดสัญญาที่ทำไว้ ทำให้ประชาชนหลายราย ต้องยอมเสียเงินค่ามัดจำรายละประมาณ 3,000 บาท เพื่อไปสร้างบ้านอยู่เอง เนื่องจากทนรอไม่ไหว
นางพรรณนี กล่าวว่า อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเนื่องจากเงินค่ามัดจำการเคหะคืนให้ทุกรายหาก ผู้เช่าไม่ได้รับมอบบ้านตามกำหนด ทั้งนี้จะนำปัญหาดังกล่าวรายงานผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ และอาจจะต้องมีการเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากประชาชนผู้เช้าซื้อที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งจะต้องตรวจสอบรายละเอียดทางเอกสารอีกครั้งเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาต่อไป
อย่างไรก็ตาม การเคหะแห่งชาติมีนโยบายที่จะเพิ่มจำนวนโครงการบ้านเอื้ออาทรเพิ่ม โดยปีนี้ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี จำนวน 700,000 ยูนิต แต่ได้รับอนุมัติเพียง 300,000 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้ ได้รวมโควตาที่จังหวัดพะเยาจะได้รับด้วย
