เชียงราย – ม็อบข้าวขู่บุกกรุง บี้ “หมัก-พรรค พปช.” หาก ครม.ไม่เคลียร์ปัญหาเงินค่าจำนำข้าวเปลือกเหนียวภายในพรุ่งนี้ ลั่นพร้อมระดมพลผู้เสียหายทั่วภาคเหนือร่วมหมื่นคน พร้อมเครือข่ายมุ่งหน้าเข้ากรุงแน่ หลังนำข้าวเหนียวเข้าโครงการจำนำข้าวแล้ว แต่กลับไม่ได้เงินตามสัญญา
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) นายประพันธ์ ภู่งาม นายอำเภอพาน และ นายไพบูลย์ ขันธบุตร การค้าภายในจังหวัดเชียงราย พร้อมตัวแทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมชี้แจงแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกรณีชาวนาในภาคเหนือจำนวนมากทำสัญญาจำหน่ายข้าวให้กับโรงสีสิริภิญโญ จ.ฉะเชิงเทรา กิจการในเครือข่าย “เอเชียไรส์มิลด์” 1 ในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.2551 ที่ผ่านมา ตามมาตรการแก้ไขปัญหาข้าวเหนียวราคาตกต่ำ ในราคาตันละ 8,000 บาท (ไม่จำกัดความชื้น)
แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านพ้นเวลา 15 วัน ตามข้อตกลงชำระเงินมากกว่าเดือนแล้ว แต่ชาวนาจำนวนมากยังไม่ได้รับเงิน และมีบางส่วนเข้าไปแจ้งความเอาไว้กับกองปราบปราม โดย นายไพบูลย์ ได้แจ้งกับชาวบ้านว่า คณะรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ขณะที่ นายวีระพล โสมศรีแพง แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.เชียงราย กล่าวว่า เมื่อคราวที่เกษตรกรได้ไปตามเรื่องที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2551 ซึ่งมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งมี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธานและมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ฯลฯ เข้าร่วมครบ
ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่าข้าวของเกษตรกร ซึ่งโรงสีรับไปก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ครบหรือไม่ โดยให้ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 28-30 มิ.ย.2551 จนถึงวันจันทร์นี้ (30 มิ.ย.) เป็นวันสุดท้าย
จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ก.ค.2551 เพื่อตัดสินใจดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับตัวแทนเกษตรกรที่เดินทางไปวันดังกล่าว เพราะนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งหมดไม่น่าจะเกินวันที่ 4 ก.ค.นี้แน่นอน
โดยในภาคเหนือ 5 จังหวัด มีชาวนาที่นำข้าวไปจำนำกับโรงสีและยังไม่ได้รับเงินกว่า 8,000 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 323 ล้านบาท ถ้าดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้ง ก็คือ ไม่ต้องรอให้ถึง 15 วันเหมือนที่โดนหลอกกันครั้งก่อน แต่จะเป็นลักษณะการรับจำนำจำนองข้าวเอาไว้ก่อนโดย ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้กับชาวนาตามบัญชีรายชื่อและตัวเลขที่ทำกับโรงสีคล้ายการช่วยเหลือผู้ปลูกกระเทียมที่ผ่านมา จากนั้นโรงสีขายข้าวให้กับรัฐบาลเกวียนละ 9,000 บาท เนื่องจากเป็นข้าวที่ไม่ค่อยมีความชื้นแล้ว จากเดิมที่ชาวนานำมาจำนำในราคา 8,000 บาท/ตันขณะที่ความชื้นสูงกว่า 30% สำหรับส่วนต่างที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะจัดการเอง
สำหรับเกษตรกรใน จ.เชียงราย ที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน พบว่า มีอยู่ประมาณ 3,000 ราย เป็นเงินรวมกันประมาณ 200 ล้านบาท เฉพาะ อ.พาน มีประมาณ 70 ล้านบาท อ.แม่สรวย 20 ล้านบาท อ.เวียงป่าเป้า 20 ล้านบาท ที่เหลือเฉลี่ยกันไปรวมทั้งหมด 6-7 อำเภอ
“ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ ก็จะช่วยชาวบ้านได้มาก เพราะหลายรายต้องทำนาปีแล้ว แต่ไม่มีเงินทุน ซึ่งบางคนข้าวไปจำนำกับโรงสีดังกล่าวมากกว่า 100,000 บาท หลายรายเป็นหลักหลายหมื่นบาท”
ต่อข้อถามที่ว่าหากมติคณะรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามประสงค์ หรือการแก้ไขปัญหาไม่เป็นไปตามที่ชาวนาต้องการจะดำเนินการอย่างไร นายวีระพล กล่าวว่า ชาวนาจำนวนนับหมื่นคนจะรวมตัวกันและพากันเดินทางไปที่ที่ทำการพรรคพลังประชาชนและบ้านของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ซึ่งยืนยันว่าพวกเราทำได้ เพราะสูญเสียไปมากโดยจำนวนผู้ชุมนุมอาจเป็นหมื่นหรือแสนคนถ้ารวมกันทั้งภาคเหนือ
“แต่ละคนต่างก็เคยเชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างเป็นคนของพรรคพลังประชาชนทั้งนั้นการช่วยเหลือจึงไม่น่าจะมีปัญหา”
ส่วนกรณีตัวแทนเกษตรกรได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่กองปราบปรามนั้นคงจะดำเนินการต่อไปไม่ว่าผลของมาตรการช่วยเหลือครั้งนี้จะเป็นอย่างไร และหากโรงสียังไม่ยอมช่วยเหลือตามนี้รัฐบาลก็คงจะแจ้งความร่วมกันเข้าไปอีกเป็น 2 คดีซ้อน และกลายเป็นคดีอาญาไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เกษตรกรได้ไปขอคำชี้แจงที่กรมการค้าภายใน ทางโรงสีแจ้งว่า สาเหตุที่ไม่จ่ายเงินให้ชาวนาเพราะ ธ.ก.ส.ยังไม่ให้เงินกู้
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) นายประพันธ์ ภู่งาม นายอำเภอพาน และ นายไพบูลย์ ขันธบุตร การค้าภายในจังหวัดเชียงราย พร้อมตัวแทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมชี้แจงแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกรณีชาวนาในภาคเหนือจำนวนมากทำสัญญาจำหน่ายข้าวให้กับโรงสีสิริภิญโญ จ.ฉะเชิงเทรา กิจการในเครือข่าย “เอเชียไรส์มิลด์” 1 ในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.2551 ที่ผ่านมา ตามมาตรการแก้ไขปัญหาข้าวเหนียวราคาตกต่ำ ในราคาตันละ 8,000 บาท (ไม่จำกัดความชื้น)
แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านพ้นเวลา 15 วัน ตามข้อตกลงชำระเงินมากกว่าเดือนแล้ว แต่ชาวนาจำนวนมากยังไม่ได้รับเงิน และมีบางส่วนเข้าไปแจ้งความเอาไว้กับกองปราบปราม โดย นายไพบูลย์ ได้แจ้งกับชาวบ้านว่า คณะรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ขณะที่ นายวีระพล โสมศรีแพง แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.เชียงราย กล่าวว่า เมื่อคราวที่เกษตรกรได้ไปตามเรื่องที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2551 ซึ่งมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งมี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธานและมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ฯลฯ เข้าร่วมครบ
ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่าข้าวของเกษตรกร ซึ่งโรงสีรับไปก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ครบหรือไม่ โดยให้ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 28-30 มิ.ย.2551 จนถึงวันจันทร์นี้ (30 มิ.ย.) เป็นวันสุดท้าย
จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ก.ค.2551 เพื่อตัดสินใจดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับตัวแทนเกษตรกรที่เดินทางไปวันดังกล่าว เพราะนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งหมดไม่น่าจะเกินวันที่ 4 ก.ค.นี้แน่นอน
โดยในภาคเหนือ 5 จังหวัด มีชาวนาที่นำข้าวไปจำนำกับโรงสีและยังไม่ได้รับเงินกว่า 8,000 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 323 ล้านบาท ถ้าดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้ง ก็คือ ไม่ต้องรอให้ถึง 15 วันเหมือนที่โดนหลอกกันครั้งก่อน แต่จะเป็นลักษณะการรับจำนำจำนองข้าวเอาไว้ก่อนโดย ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้กับชาวนาตามบัญชีรายชื่อและตัวเลขที่ทำกับโรงสีคล้ายการช่วยเหลือผู้ปลูกกระเทียมที่ผ่านมา จากนั้นโรงสีขายข้าวให้กับรัฐบาลเกวียนละ 9,000 บาท เนื่องจากเป็นข้าวที่ไม่ค่อยมีความชื้นแล้ว จากเดิมที่ชาวนานำมาจำนำในราคา 8,000 บาท/ตันขณะที่ความชื้นสูงกว่า 30% สำหรับส่วนต่างที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะจัดการเอง
สำหรับเกษตรกรใน จ.เชียงราย ที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน พบว่า มีอยู่ประมาณ 3,000 ราย เป็นเงินรวมกันประมาณ 200 ล้านบาท เฉพาะ อ.พาน มีประมาณ 70 ล้านบาท อ.แม่สรวย 20 ล้านบาท อ.เวียงป่าเป้า 20 ล้านบาท ที่เหลือเฉลี่ยกันไปรวมทั้งหมด 6-7 อำเภอ
“ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ ก็จะช่วยชาวบ้านได้มาก เพราะหลายรายต้องทำนาปีแล้ว แต่ไม่มีเงินทุน ซึ่งบางคนข้าวไปจำนำกับโรงสีดังกล่าวมากกว่า 100,000 บาท หลายรายเป็นหลักหลายหมื่นบาท”
ต่อข้อถามที่ว่าหากมติคณะรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามประสงค์ หรือการแก้ไขปัญหาไม่เป็นไปตามที่ชาวนาต้องการจะดำเนินการอย่างไร นายวีระพล กล่าวว่า ชาวนาจำนวนนับหมื่นคนจะรวมตัวกันและพากันเดินทางไปที่ที่ทำการพรรคพลังประชาชนและบ้านของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ซึ่งยืนยันว่าพวกเราทำได้ เพราะสูญเสียไปมากโดยจำนวนผู้ชุมนุมอาจเป็นหมื่นหรือแสนคนถ้ารวมกันทั้งภาคเหนือ
“แต่ละคนต่างก็เคยเชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างเป็นคนของพรรคพลังประชาชนทั้งนั้นการช่วยเหลือจึงไม่น่าจะมีปัญหา”
ส่วนกรณีตัวแทนเกษตรกรได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่กองปราบปรามนั้นคงจะดำเนินการต่อไปไม่ว่าผลของมาตรการช่วยเหลือครั้งนี้จะเป็นอย่างไร และหากโรงสียังไม่ยอมช่วยเหลือตามนี้รัฐบาลก็คงจะแจ้งความร่วมกันเข้าไปอีกเป็น 2 คดีซ้อน และกลายเป็นคดีอาญาไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เกษตรกรได้ไปขอคำชี้แจงที่กรมการค้าภายใน ทางโรงสีแจ้งว่า สาเหตุที่ไม่จ่ายเงินให้ชาวนาเพราะ ธ.ก.ส.ยังไม่ให้เงินกู้
