เปิดบันทึกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จุดจบ..ของรัฐบาลดื้อด้าน หลงอำนาจ..กำลังใกล้ถึงจุดจบลงแล้ว และหากมีการใช้อำนาจเซ็นคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน..ผู้ที่เซ็นคำสั่งจะต้องเสียใจในภายหลัง ทั้งจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิต
หากทว่ามีการล้อมปราบสลายฝูงชนด้วยกองกำลังตำรวจ-ทหารนั้น ทำให้ประชาชนคนไทยผู้รักชาติต้องเลือดตกยางออกบนท้องถนนกรุงเทพพระมหานครด้วยแล้ว .! การจลาจลอาจจะเกิดขึ้นและจะขยายวงกว้าง เนื่องมาจาก ฝ่ายปกครองคือรัฐบาลประเมินสถานการณ์จริงทั้งประเมินจิตใจประชาชนผู้รักชาติผิดพลาด..
และหากทบทวนถึงสาเหตุนานาประการ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยเกิดชิงชังและแปรความชิงชังนั้น มาสู่พรรคการเมือง ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี ทวีมากขึ้น อันเป็นที่ทราบทั่วกันว่า เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนของทักษิณ ซึ่งประชาชนและ5แกนนำพันธมิตรเรียกขานกันว่า นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด
ส่วนสาเหตุนานาประการนั้นมีอะไรบ้างลองมาทบทวนสาเหตุนั้นๆกันดู..
สาเหตุประการหนึ่งมาจาก เรื่องบรรดานักการเมืองเมื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ไม่กี่วัน ก็เริ่มปฏิบัติการโยกย้ายสับเปลี่ยน ข้าราชการซึ่งล้วนทำงานทำสำนวนคดี ที่ส่งผลต่อตัวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว จึงโยกย้ายนายอุดม มโนมัยอุดม อธิบดีกรมดีเอสไอ.เป็นคนแรก ย้าย พล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาเซ็นคำสั่งปลดออกจากราชการ
สาเหตุประการต่อมา รัฐบาลปล่อยให้มีการกระบวนการและบุคคลของกระบวนการ ทำการหมิ่นสถาบันกษัตริย์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผู้นำรัฐบาลไม่ได้จัดการอย่างทันท่วงที มิหนำซ้ำยังปกป้อง กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรีไปปราศรัยหมิ่นสถาบันกษัตริย์ฯอย่างชัดเจน
ซึ่งหาก 5 แกนนำพันธมิตรและประชาชนผู้รักชาติไม่ออกมาต่อต้าน รัฐบาลก็คงปล่อยเรื่องนี้ทิ้งไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาของปวงชน ต่อต้านรัฐบาลหุ่นเชิดขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงนายจักรภพ ไปมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่กองปราบและปล่อยตัวออกมา ส่วนความคืบหน้าเรื่องส่งสำนวนฟ้องร้องต่อศาลนั้นยังไม่ไปถึงไหนและยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานกี่ปี
ส่วนสาเหตุอีกสองสามประการมาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กรณีที่ได้กล่าวปรามาสน้ำใจพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯผู้มาร่วมชุมนุม ดูแคลนว่ามีการใช้เงินจ้างให้ผู้คนเข้ามาชุมนุม ล่าสุดออกมาสั่งให้ผู้ว่าราชการทั่วประเทศ จัดการบีบโทรทัศน์เคเบิ้ลท้องถิ่น มิให้มีการทอดสดเชื่อมสัญญาณ ASTV ยิ่งสร้างความคับแค้นให้ประชาชนผู้รักชาติ ทวีคูณขึ้น กลายเป็นความชิงชังไม่เฉพาะตัวคนออกคำสั่ง แต่ความชิงชังนี้ขยายวงไปถึงรัฐบาลด้วย
3-4 เดือนที่รัฐบาลนี้บริหารอำนาจปกครอง ปัญหาของประชาชนส่วนรวมมิได้ถูกแก้ไข มีแต่นักการเมืองผู้มีอำนาจตีฝีปาก มีแต่คำผรุสวาทด้วยถ้อยคำหยาบช้า มีการกระทำที่เห็นแก่เครือญาติ ครอบครัวเป็นสำคัญ กรณีลูกนักการเมืองคนหนึ่งได้กลับเข้าไปรับราชการทหารและได้ยศคืน
สาเหตุนานาประการเหล่านี้ ล้วนเกิดผลลบต่อรัฐบาล หากทบทวนกันให้ดี ยังมีอีกมาก ที่สำคัญคือกรณีโยกย้ายข้าราชการระดับอธิบดีในกระทรวงการต่างประเทศ ให้พ้นทางออกไป ครั้นต่อมา นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศก็ได้เซ็นสัญญากับทางฝ่ายเขมร เรื่องปราสาทพระวิหาร ส่อเหตุให้เราต้องเสียดินแดนไทยแก่เขมร ส่อการกระทำลุแก่อำนาจ ทำให้ประชาชนผู้รักชาติทวีความชิงชัง เกลียดชังนักการเมืองหุ่นเชิด มีมากจนสุดจะพรรณนา
ด้วยสาเหตุประการต่างๆเหล่านี้ ถ้า...นับแต่ 25 พฤษภาคม 51 ที่ผ่านวันประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์ของ 5 ผู้กล้าแกนนำพันธมิตรฯจนบัดนี้วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน51 ก็ล่วงเข้า... แล้ว การมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ จากภูมิภาคต่างๆของประเทศพากันหลั่งไหลเข้ามายังที่ชุมนุม ณ เวทีพันธมิตรฯณ สะพานมัฆวานฯ นับหมื่นนับแสนคน
ยิ่งวันดีเดย์ศุกร์ 20 มิถุนายน 51 เพื่อล้อมทำเนียบรัฐบาล ผู้คนซึ่งรักชาติต่างพากันมามืดฟ้ามัวดิน ลบคำสบประมาทหน่วยข่าวกรองตำรวจอย่างสิ้นเชิง
นี่...จึงเป็นที่มาของบันทึกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยผู้รักชาติฉบับนี้ซึ่งพร้อมยอมตายกับ5 ผู้กล้าแกนนำ
หลังการชุมนุมนาน 30วันเข้าไปแล้ว บรรดาพันธมิตรฯซึ่งมาจากต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นจากภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก ผู้รักชาติพันธมิตรล้วนพากันมาด้วยใจถึงใจ กันทุกคน
ทุกคนเหล่านี้ใช้เงินของตัวเอง เป็นค่าเดินทางมาร่วมชุมนุม มีปณิธานที่แน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกคนรู้ว่า ที่บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ก็เพราะคนคนเดียว คนนั้นก็คือ ทักษิณและระบอบที่ได้วางไว้
การที่ผู้รักชาติทั่วประเทศได้มานอนกลางดินกินกลางทราย เปียกปอนจากน้ำฝน ตากแดดร้อนจัด เผชิญภาวะอากาศร้อนอบอ้าว ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้ชุมนุมนั้น !กลายเป็นชีวิตที่มีความผูกพันต่อกัน รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง..นี่คือวิถีชีวิตไทยๆของคนไทยชาติเรา ดินฟ้าอากาศหาใช่อุปสรรคของผู้มาร่วมชุมนุมเหล่านี้
ยิ่งถูกปรามาสดูแคลนจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแต่ละครั้งที่ออกมาปรามาส ว่าผู้มาร่วมชุมนุมนั้นถูกว่าจ้างมา ยิ่งทำให้พันธมิตรฯผู้รักชาติเหล่านั้นเดินทางจากทุกสารทิศมาร่วมชุมนุมมากเป็นทวีคูณ
จังหวัดตราด เป็นจังหวัดชายแดนไทย-เขมร เป็นปราการด่านหน้าของภาคตะวันออก นายมานพ ภัทรภูมิ นายสุวัฒน์ ผิวสะอาด นายประสาน พงษ์พานิช 3 แกนนำพันธมิตรฯได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจอธรรม ซึ่งมีนายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดปฏิบัติตามคำสั่งของรมต.มหาดไทย บีบเคเบิลทีวี.ไม่ให้เชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสดรายการจาก ASTV
การลุกขึ้นมาต่อสู้ครั้งนี้ของ 3แกนนำพันธมิตรฯตราดครั้งนี้สะท้อนใจถึงใจของผู้กล้าในต่างจังหวัดซึ่งเป็นผู้คนที่อยู่ในภูมิภาค สำหรับจังหวัดอื่นๆเช่นที่จังหวัดระยองก็มี นางพัฒนวดี ดิษยะวงค์ แกนนำคนสำคัญที่เป็นสตรีกล้าของระยอง ชลบุรีก็มีนายชินณภัทร แสงรังษี แกนนำคนสำคัญได้กล่าวว่า ไม่ชนะไม่เลิกและไม่ได้หวังพึ่งสภาซึ่งก็แค่อภิปรายทำอะไรไม่ได้ วันนี้ขณะนี้ เป็นการเดิมพันที่พันธมิตรฯทุกคนยอมเอาชีวิตเข้าแลกกับรัฐบาลทรราช ที่ต้องมาร่วมชุมนุมขับไล่ให้ออกไปให้ได้
ส่วนเหตุการณ์ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันปฏิบัติการพันธมิตรฯทำสงคราม 9ทัพล้อมทำเนียบรัฐบาล พันธมิตรฯทั้งสตรีและบุรุษใจเพชร ผู้มาร่วมชุมนุมนับแสนคน นับว่าเป็นปรากฏการณ์พิเศษจริงๆ และภาพเหตุการณ์เคลื่อนไหวซึ่งปรากฏการณ์พิเศษนี้ ปรากฏตามสื่อทีวีไทยและทีวี.ต่างประเทศเป็นภาพผู้รักชาติเรือนหมื่นเรือนแสนคน ซึ่งสำนักข่าวทีวี.ต่างประเทศต่างปักหลักถ่ายทอดสดออกอากาศ ณ บริเวณ ก่อนถึงแยกสนามม้านางเลิ้ง ขณะประชาชนผู้รักชาติพากันเดินเท้าเข้ามายังจุดนัดพบ
ประชาชนผู้รักชาติเหล่านั้นกลายเป็นคีมเหล็กมหึมาประกบบีบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเครื่องป้องกันครบครัน มีโล่มีกระบอง มีแก๊สน้ำตาดาหน้าประจันมิให้ขบวนพันธมิตรฯที่เคลื่อนขบวนออกไป จนที่สุดนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต้องออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยเปิดทางให้ขบวนของพันธมิตรฯเคลื่อนหน้าไปเรื่อยๆ ตามเป้าหมาย
เรา..เป็นเพียงคนหนึ่งในจำนวนผู้คนครั้งแรกนับหมื่นคนร่วมขบวนซึ่งมีพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำออกเดินเท้าจากจุดสะพานมัฆวานฯเคลื่อนผ่านไปวัดโสมนัสฯ เลี้ยวซ้ายเคลื่อนขึ้นสะพาน จุดตัดถนนนครสวรรค์ ผ่านหน้าธนาคาร ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ มุ่งหน้าไปสามแยกหน้าสนามม้านางเลิ้ง จุดนัดพบ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดอบอ้าว แต่ผู้ร่วมขบวนทุกคนที่มีสตรีมากกว่าชายนั้น ก็มีใบหน้าเปื้อนยิ้ม ท่ามกลางเหงื่อไหลย้อยลงมาที่ใบหน้า ทุกคนใจสู้ไม่มีถอย แต่ก็มีหลายคนเป็นลมหน้ามืดไปบ้าง
ทุกคนต่างฟังคำสั่งของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง อย่างเคร่งครัด เรา..และสตรีสูงอายุ บุรุษสูงอายุ ทั้งมีผู้ที่เป็นหนุ่มสาวร่วมอยู่พอสมควร ต่างก็ผ่านอุปสรรค ผ่านเหตุการณ์ แต่ละจุดที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีโล่มีกระบอง มีแก๊สน้ำตาตั้งเครื่องกีดขวางประจันหน้าพร้อมแผงเหล็กกั้นไปด้วยดี ท่ามกลางความระทึกใจอยู่ตลอดเวลา ปะปนอยู่ พวกเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรจะเกิดขึ้น และมันอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกวินาที..หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดครองสติไม่อยู่
มัน..ช่างเป็นอะไรที่สวยงามมากเช่นนั้น มันช่างเป็นอะไรที่มีความตื่นเต้นปะปนระคนกันไปทุกขณะจิต มันช่างเป็นอะไรที่บอกไม่ถูก ซึ่งเมื่อเหลียวมองผู้ร่วมเดินขบวนเคลื่อนทัพรุกไปล้อมทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ บอกได้คำเดียวว่าทุกคนใจตรงกัน ทุกคนมาปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาแสดงพลังขับไล่นักการเมืองชั่ว ไล่สมัครดื้อด้านรัฐบาลหุ่นเชิดออกไป
เรา..เองก็ยังไม่รู้ว่า เรื่องทั้งหลายทั้งปวงจะจบลงเช่นไร จะดีหรือจะร้าย ก็ไม่มีใครคาดล่วงหน้าได้ แต่..เชื่อด้วยพลังจิตพลังใจของพันธมิตรฯผู้รักชาติ สตรีแกร่ง บุรุษกล้า ผู้สูงอายุทั้งหลาย นับแสนคนนั้น บ่งบอกได้ว่า พวกดื้อด้าน พวกบ้าอำนาจ พวกใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน และหากทว่าเลือดไทยต้องหลั่งลงบนท้องถนน ก็ไม่มีใครบอกได้ แม้แต่หมอดูฉวยโอกาสก็ยังไม่กล้าพยากรณ์
แต่..จากประสบการณ์ที่เราผ่านเหตุการณ์ 14ตุลาคม ปี16 จนถึง เหตุการณ์พฤษภาทมิฬฯ รวมทั้งเหตุการณ์ขับไล่ทักษิณ ปี2549 ทุกอย่างของผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวย่อมแตกต่างกันไป แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ เพียงแต่ 14ตุลาคม ปี16 นั้นเป็นเรื่องของนิสิตนักศึกษา คนหนุ่มคนสาว เป็นผู้นำการเคลื่อนไหว ที่สุดทหารออกมาช่วงชิงอำนาจกันในวินาทีสุดท้าย
ส่วนปี2549 ทักษิณ ต้องหนีออกจากประเทศไทย ก็ด้วยเรื่องทุจริตโกงกินโครงการใหญ่ๆเป็นสำคัญ ขณะที่ เขาได้ซื้อนักการเมืองเอาไว้เป็นเสียงข้างมาก แต่เหิมเกริมหลงอำนาจจึงไม่ไปสภาฯไม่ให้เกียรติไปประชุมและไม่ตอบกระทู้ในสภาและอื่นๆ
พฤติกรรมในอดีตของนักการเมือง สะท้อนพฤติกรรมปัจจุบัน ว่าจะทำงานเพื่อชาติประชาชนหรือไม่ ประชาชนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ด้วยพฤติกรรมหลงอำนาจ แสดงพฤติกรรมถ่อย หยามหยาบแสดงออกต่อ ประชาชน ต่อสถาบันฯนั้น เกินกว่าที่ประชาชนทั่วไทยจะรับได้ ดังนั้นเมื่อ 5 ผู้กล้าแกนนำพันธมิตรฯ อันมีพลตรีจำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายภิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ออกมาประกาศจุดยืนแน่ชัด สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้าย จึงมีความหมายต่อประชาชนผู้รักชาติทุกคน
พวกเราต่อสู้แบบสันติอหิงสาและปราศจากอาวุธ
นี่..จึงเป็นอะไรที่สวยงามมากจริงๆ...
ขณะนี้พลังประชาชนคนไทยทั่วประเทศปักหลักอยู่บนท้องถนนพิษณุโลก หัวขบวนจ่อทำเนียบรัฐบาล ท้ายขบวนพาดผ่านบริเวณสามแยกสนามม้านางเลิ้งไปถึงบ้านพิษณุโลกยาวเหยียดนับกิโล ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งผู้รักชาติภายใต้การนำของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ปักหลัก หน้าสำนักงานก.พ.บริเวณทำเนียบรัฐบาลจนล้นออกไปทางด้านสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
มีข่าวร้อนๆจากวงในผู้มีอำนาจว่า ผู้มีอำนาจชุดนี้ไม่ยอมลงจากอำนาจแน่ๆ และพร้อมที่จะเสี่ยงต่อการสั่งล้อมปราบสลายพลังผู้รักชาติ เพียงรอประเมินสถานการณ์ว่า จะมีประชาชนมาชุมนุมกันลดลงหรือเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่บัดนี้ ผู้รักชาติต่างพากันเดินทางมาชุมนุมมากเพิ่มขึ้น และขณะนี้ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาชุมนุมเพิ่มขึ้นทุกวินาที
จุดจบผู้นำรัฐบาล นักการเมืองหลงอำนาจ คืบคลานใกล้เข้ามาทุกขณะ
และคงไม่ยืดเยื้อนานออกไปเป็นเดือน หากประชาชนมากันเป็นเรือนแสน ถึงขนาดนั้น ณ เวลานั้น รัฐบาลหุ่นเชิดก็คงคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่..! และอวสานของทรราชก็จะสิ้นสุดลง!