xs
xsm
sm
md
lg

ฤๅเลือดไทยต้องไหลนองอีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ฤๅเลือดไทยต้องไหลนองอีก เมื่อสมัครนายกฯ นอมินีเสนียดกอดเก้าอี้แน่น!

แม้...ลุล่วงถึงวันนี้แล้ว ผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งสตรีแกร่งใจเพชร บุรุษกล้านัยย์ตาสีเหล็กนับแสนๆ คนก็มิได้หวาดหวั่นต่อการกระทำของรัฐบาลสมัครเสนียด ผู้กระทำการทุกอย่างที่จะกอดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนอมินีไว้แน่นให้ดำรงอยู่นานเท่าที่ทำได้ โดยนายสมัครมิได้รู้ร้อนรู้หนาวสนใจใยดี หรือรับรู้ต่อการชุมนุมประท้วงของผู้รักชาติชาวไทยทั้งแผ่นดินแต่ประการใด

ทั้งๆ ที่ประเด็นการไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลนอมินีเสนียดของผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น มีจุดยืนตรงกันเพื่อพิทักษ์ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จากประเด็นปัญหาที่ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนถึงรัฐบาลสมัครนอมินีเสนียด ไวรัสกลายพันธุ์มิได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันให้แก่ประชาชน

ประเด็นสำคัญต่อมาก็คือ การทุจริตคอร์รัปชัน การอนุมัติโครงการใหญ่ๆ ใช้เงินหลวงกันอย่างมือเติบ การปล่อยให้คนระดับรัฐมนตรีซึ่งกระทำการหมิ่นสถาบันฯ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การปล่อยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไปทำการรับรองดินแดนปราสาทพระวิหาร ทำให้ไทยต้องเสียดินแดน

ประเด็นสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ รัฐมนตรี นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้หมิ่นสถาบัน ซึ่งได้ลาออกก็ยังลอยนวลอยู่ สำนวนคดียังคงดองอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และระหว่างรัฐบาลนายสมัคร ผู้คนที่อยู่ในกระบวนการหมิ่นสถาบันฯ ก็ยังคงมีการดำเนินการหมิ่นกันต่อไป ไม่เพียงกรณีนางดา ตอร์ปิโด หรือ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล เท่านั้น ซึ่งหากพันธมิตรฯ ไม่นำบางส่วนมาเปิดโปง ตำรวจและกลไกของรัฐฯก็ไม่ทำงาน นางดาเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งของบุคคลฝ่ายซ้ายที่ไม่เปลี่ยนทัศนคติ ก็ยังจ้องทำลายสถาบันฯ กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลไกของรัฐฯก็ทราบ แต่ไม่จัดการ

ปล่อยให้มีการกระทำเหยียบย่ำน้ำใจของคนไทยทั้งประเทศ ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ได้เกิดทุกข์ระทมใจ จึงต้องออกมาร่วมชุมนุมรวมพลังหนุนเนื่อง 5 ผู้กล้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไล่รัฐบาลสมัครนายกฯนอมินีเสนียด

ขณะนี้การชุมนุมซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 51 การชุมนุมครั้งนี้ก็มากกว่า 107 วันขึ้นไปแล้ว จากสะพานผ่านฟ้าฯ มาปักหลักสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งมีจำนวนประชาชนคนไทยผู้รักชาติเรือนแสน ศุกร์เสาร์ อาทิตย์ และบางวัน ถึงเจ็ดแสนคนขึ้นไปยังปักที่ทำเนียบรัฐบาล และบริเวณรอบทำเนียบจนถึงสะพานมัฆวาน

สำหรับสะพานมัฆวานรังสรรค์ เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขณะนี้ ได้มีนิสิต นักศึกษา และนักเรียนต่างพากันออกมาชุมนุมนับหลายหมื่นคน พลังหนุ่มสาวลูกหลานของทหาร ตำรวจประชาชนและประชาชนหลากหลายอาชีพ นี่คือพลังสะอาดบริสุทธิ์ ที่ออกมาชุมนุมกัน

เพื่อขับไล่รัฐบาลและนายสมัคร นายกรัฐมนตรีนอมินีเสนียดให้ลาออกไป!

นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 51 เป็นต้นมา...ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ณ เชิงบริเวณสะพานมัฆวานO อันส่อแสดงพฤติกรรม กระหายเลือดของผู้นำรัฐบาลนี้เกิดขึ้นจนได้ เพียงแค่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำหมายบังคับคดีมาปิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับฉวยโอกาสนั้นใช้กำลังเอากับผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใช้ไม้พลองตี ใช้ปืนจ่อหัวพร้อมยิง เอาตีนเหยียบหัว อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าทำร้ายประชาชนคนไทยด้วยกันชนิดโหดเหี้ยม นัยว่าฉลองคำสั่งใหม่ให้กับ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่

หลักฐานอันเด่นชัดทั้งหลาย ทั้งภาพถ่าย ภาพนิ่ง ภาพความเคลื่อนไหวจากกล้องวิดีทัศน์ เป็นภาพซึ่งตำรวจใช้ไม้พลองตีประชาชน อันส่อแสดงพฤติกรรมลุแก่อำนาจของตำรวจนครบาล ตำรวจต่างจังหวัด ตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งถูกระดมเข้ากรุงเทพฯภายใต้คำสั่งของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนายสมัคร นายกรัฐมนตรีนอมินีเสนียดคนนี้

เต็นท์หลายหลังซึ่งเก็บข้าวของหลังเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกรื้อ สิ่งของใช้หลายอย่างถูกโยนทิ้ง ผู้รักชาติยอมสละชีวิตเพื่อพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บเล็กน้อย ถูกบังคับให้นอนก้มหน้ากับพื้นคอนกรีต จับมัดมือไพล่หลัง ทำเหมือนกับพวกผู้รักชาติทั้งชายหญิงเหล่านี้มิใช่คนไทยด้วยกัน โดยเจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นรถเอาไปสอบสวนและที่สุดก็ต้องปล่อยกลับมา ซึ่งในจำนวนนี้มี นิสิต มหาวิทยาบูรพาจากชลบุรี ถูกตำรวจกดหน้าคว่ำกับพื้นแล้วมัดมือไพร่หลัง ยังกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ปี 2519 อย่างไรอย่างนั้น นิสิต ม.บูรพาคนนั้น ทราบชื่อภายหลังว่า ต้น ลีลาพิทักษ์

ผู้บันทึกเรื่องนี้ถ่ายภาพไว้จำนวนหลายภาพได้ถูกถ่ายทอดบางส่วนไปในเว็บไซต์ พร้อมกับภาพตำรวจกำลังทุบตีทำร้ายประชาชนของช่างภาพมืออาชีพ ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน สู่สายตาประชาชนทั่วไทย และต่างประเทศไปแล้ว

ผู้บาดเจ็บคนหนึ่งถูกตีนอนสลบ (ตามภาพถ่าย) ซึ่งผู้บันทึกเรื่องนี้ได้ถ่ายภาพไว้ และร่วมกับผู้รักชาติที่อยู่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานได้ช่วยเหลือพร้อมกับผู้รักชาติประชาชนคนไทยครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเสียสละ ยอมให้เลือดไหลลงรดเบาะรถเก๋งคันงาม นำร่างที่นอนสลบเหมือดอยู่นั้นส่งโรงพยาบาล ขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อผู้ถูกทำร้ายจากตำรวจรายนี้ แต่ด้วยน้ำใจงามของผู้รักชาติที่นำรถเก๋งไปส่งที่โรงพยาบาล ทราบเพียงว่า ผู้ที่ถูกตีสลบรายนี้ได้หายป่วยแล้วเท่านั้น

สำหรับเหตุการณ์ ณ สะพานมัฆวานฯ วันนั้น แม้เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งติดเครื่องหมายกาชาดไว้ที่หน้าอก ก็ยังถูกตำรวจตี ใช้โล่กระแทกกระทันดันมิให้เข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยมิได้สนใจใยดีต่ออะไรทั้งสิ้น

แต่ ..ผู้รักชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ผ่านเหตุการณ์นั้นๆมาได้ แม้ว่าจะถูกปาระเบิดน้ำตาทำร้ายเอากลางดึกคืนวันนั้นที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับบาดเจ็บกันหลายคน แต่ก็มิได้ย่อท้อกลับมีพลังใจสู้กับรัฐตำรวจใหม่และนายสมัครนายกฯนอมินีเสนียดบ้าน เสนียดเมืองต่อไป

และหรือต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ถูกทำร้ายใหม่กลางดึก เวลา 00.10 น.วันที่ 1 กันยายน 51 ซึ่งพวกกลุ่มนรกป่วนกรุงยกพวกประมาณ 2,000 คนเข้ามาปะทะตีทำร้ายผู้รักชาติพันธมิตรฯ ภายใต้การนำของ ส.ส.เกียรติต่ำจากจังหวัดภาคอีสาน ได้นำพวกนรกป่วนกรุงถือมีดสปาต้า เหล็กท่อนตัน ท่อแป๊ปน้ำ หนังสติ๊กไม้หน้าสามและอาวุธอื่นๆซึ่งถูกบันทึกถ่ายภาพไว้ ซึ่งภาพข่าวนี้ถูกตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ... หรือสื่ออินเทอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆ อีกจำนวนมาก ล้วนเป็นพยานได้ดี แต่ละภาพของพวก นปก.(นรกป่วนกรุง) นั้น ส่อพฤติกรรมชั่วร้ายของผู้คน กระหายเลือด โดยมีอำนาจรัฐหนุนหลังอยู่

นั่น...คือเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อมีความพยายามใช้กำลังคนไทยให้ปะทะกับคนไทยด้วยกัน ให้เลือดไทยไหลนองผืนแผ่นดินไทย และก็สมใจไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ 1กันยายนนี้ มีคนตายหนึ่งศพ บาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัสอีก 43 คน เรียกได้ว่าเลือดไทยได้ไหลนองลงบนพื้นดินไทย ณ ถนนราชดำเนินในแล้ว ถึง 2 ครั้งด้วยกัน

ไม่นับรวมที่เลือดไทยต้องไหลลงผืนดินไทยที่จังหวัดอุดรธานีไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะผู้นำกระหายเลือด ส่งสัญญาณให้พวก นปก.โพกผ้าแดงให้ลุกขึ้นมาฆ่า..!

การฉวยโอกาสประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกมาเฉพาะเขตกรุงเทพฯ หลังเหตุการณ์ 1 กันยายน 51ในวันต่อมา ก็ทำให้ ผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วไทยต่างก็ทราบกันว่า...

แท้จริงแล้ว นายกฯ นอมินีเสนียด ย่อมต้องอยู่เบื้องหลังเป็นแน่แท้..ทั้งยังมีการวางแผนจากฝ่ายกฎหมายของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมาด้วยดี

สำหรับปัจจุบัน...ผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ ซึ่งมอบความรักความไว้วางใจ ด้วยความศรัทธาต่อจุดยืนอันมั่นคงดุจขุนเขาของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 5 ผู้กล้าแกนนำ รวมทั้งนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ดังจะเห็นได้จากภาพข่าวเหตุการณ์จริง ณ บริเวณชุมนุม ณ สะพานมัฆวานฯ หรือในเวทีทำเนียบรัฐบาล ภาพผู้รักชาติ สตรีไทยใจแกร่งดุจเพชรบุรุษไทยผู้มีดวงตาสีเหล็ก สะท้อนสายเลือดของนักสู้ทั่วสารทิศทั้งหลาย จำนวนเรือนแสนขึ้นไปนั้นเป็นพยานได้ดี

สำหรับ นายสมัคร สุนทรเวช เส้นทางสายการเมืองในอดีต ขณะเป็น ส.ส.ก็ไม่ประสบความสำเร็จชีวิตทางการเมืองเท่าใดนัก ถึงแม้จะเคยชนะการเลือกตั้ง เป็น ส.ส.เขตดุสิต ด้วยการเอาชนะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคมมาก็ตาม แม้จะตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรคประชากรไทย ที่ครั้งหนึ่งเคยกวาด ส.ส.กรุงเทพฯ เกือบหมด ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านเท่านั้น เขาเคยได้เป็นเพียงรัฐมนตรีช่วยว่าการฯขณะสังกัดพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

แต่วิถีชีวิตทางการเมืองของเขากลับเติบโตบนกองเลือด ซึ่งไหลนองแผ่นดิน เป็นเลือดเนื้อของนิสิตนักศึกษาคนไทย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ ท้องสนามหลวง เมื่อ 6 ตุลาคม ปี2519 ซึ่งเขามีส่วนสำคัญในการปลุกระดมทางสถานีวิทยุยานเกราะ พฤติกรรมของเขาขณะนั้นเป็นพวกขวาสุดขั้ว ชนิดตกขอบ เกลียดเคียดแค้นอาฆาต ผู้คนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับเขา ชนิดเกลียดพวกซ้ายทุกลมหายใจ

ซึ่งปัจจุบันก็มีพวกซ้ายขี้ข้าที่โดนเขากลั่นแกล้งและถูกทำทุกอย่างเอานั้นตั้งแต่ปี 2519 อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เสพสังวาสอยู่กับเขา ทั้งๆ ที่ต้องหนีกระเจิงเข้าป่าชนิดอยู่ในเมืองไม่ได้ ก็เพราะเขาสมัครคนนี้คือตัวต้นเหตุปลุกระดมจนเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น


เขาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมื่อปี 2519 เติบใหญ่ทางการเมืองแบบอหังการ์ สั่งปิดหนังสือพิมพ์เป็นว่าเล่น บีบเจ้าของหนังสือพิมพ์ให้ไล่บรรดาคอลัมน์นิสต์ออกแทบทุกวัน แต่ที่สุดเขาก็ถูกถีบออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อคณะทหารทนไม่ไหว จึงมีการปฏิวัติเมื่อเดือนมกราคมต้นปี 2520

เขาเป็นคนดื้อสุดๆ ถือดีเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ สมัยก่อนเป็นอย่างไร ขณะนี้ก็เป็นอย่างนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ ว่าเส้นทางการเมืองของเขาในวัย 72 ปี เมื่อขวาตกขอบ แก่เกินแกง มาร่วมสังวาสกับซ้ายขี้ข้าเพียงไม่กี่คนมาเป็นคณะรัฐมนตรีร่วมกัน ดังเป็นที่ทราบกันดี แต่ที่น่าแปลกใจคนไทยทั่วๆ ไปก็คือว่าทำไมเขาจึงปล่อยให้ ตัวเองตกเป็นทาสของทักษิณ เป็น นอมินี.. เพียงเพื่อจะยืนอยู่บนตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีเท่านั้น? หรือมีอะไรที่มากกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องของนายสมัคร นายกรัฐมนตรีคนนี้ได้มีการกล่าวถึงกันมากกว่านายกรัฐมนตรีคนใดๆ นักวิชาการบางคนวิเคราะห์ด้วยฐานที่ว่า...ฝ่ายหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งและว่า อีกฝ่ายหนึ่ง ไม่มีตำแหน่งแห่งหน แต่ปลุกระดมมวลชนขึ้นมาขับไล่รัฐบาล..การวิเคราะห์นี้เข้าข้างทำนองว่า มาจากการเลือกตั้งนั้นมีความชอบธรรม...

นักวิชาการท่านนั้นๆ คงจะไม่ได้รับรู้ว่า เมื่อผู้รักชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจำนวนหลายแสนคน ออกมาขับไล่นายสมัครนั้น ซึ่งถ้าหากจะนับจำนวน ผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศแล้ว มีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคนขึ้นไปและกำลังเติบโตอย่างเต็มที่ ขยายตัวจากตัวเมืองของแต่ละจังหวัด ลงสู่ตำบล จากตำบลลงสู่หมู่บ้าน...

ส่วนในตัวเมือง ผู้รักชาติพันธมิตรฯ เติบโตขยายตัวไปทุกตรอกซอกซอย เป็นพลังรักชาตใหญ่ ไม่เว้นตามเกาะต่างๆ ของประเทศไทย ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เมื่อผู้รักชาติพันธมิตรฯเหล่านั้นได้รับรู้ความจริงของข่าวสาร ความระยำตำบอนของนักการเมืองน้ำเน่า เล่นพรรคเล่นพวก แต่งตั้งพรรคพวกเข้าไปคุมการเงินของประเทศ เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ หรืออย่างนายขวัญชัย ไพรพนา ที่นำพวก นปก.ทุบตีผู้รักชาติที่อุดรนั้น ก็เป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายสมัคร เซ็นคำสั่ง ..ในปัจจุบันจากสื่อโทรทัศน์ astv และผู้จัดการออนไลน์

ส่วนสาเหตุประเด็นปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วทุกประเด็นปัญหา เช่น กรณีรัฐมนตรีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นสถาบันสูงสุด กรณีเขาพระวิหารและอื่นๆ ทำไมนักวิชาการบางท่านและสื่อบางฉบับกลับมองไม่เห็นความเป็นจริง ที่เป็นอันตรายต่อชาติ ต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ และหรือมองไม่เห็นประเด็นปัญหา ว่าถ้าปล่อยให้พวกนักการเมืองชั่ว มีประวัติโกงกิน เช่นพวกซื้อปริญญาและอื่นๆเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศ ทำให้บ้านนี้เมืองนี้ต้องวอดวายไปในภายหน้า แล้วเราจะปล่อยให้พวกเขาอยู่ครบ 4 ปีกระนั้นหรือไร...

วันนี้ยังไม่มีการถอนพาสสปอร์ตของนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งๆ หนีคดีไม่มาขึ้นศาล นายสมัครนายกฯ นอมินีเสนียดนึกหรือว่า คนไทยผู้รักชาติกินแกลบแทนข้าว...

“เพื่อรักษาประชาธิปไตย” ไว้ ตามที่นายสมัครพูด แต่นายสมัครนั้นแท้จริงแล้วการกระทำของเขานั้น คือเผด็จการ กระหายเลือด กรณี 6 ตุลาคมปี 19 เหยียบบ่าเดินทางลัดเส้นทางสายประชาธิปไตย ขึ้นไปเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จำกันมิได้หรือ และกรณี 29 สิงหาคม 51 ปีนี้ต่อเนื่องมาถึง 1 กันยายน 51 เช่นกัน...คือบทพิสูจน์ของพฤติกรรมกระหายเลือดได้เป็นอย่างดีซึ่งมีพรรคพวกพรรคการเมือง พลังประชาชน มี สส.ทางภาคอีสาน หลายคนมีส่วนร่วม

เมื่อ นายสมัคร นายกรัฐมนตรีนอมินีเสนียดกอดเก้าอี้แน่นอย่างนี้ ฤๅต้องให้เลือดไทยไหลนองแผ่นดินอีก จึงขอพยากรณ์ว่า นายสมัครจะโดนถีบหรือโดนจี้ให้ออกจากเก้าอี้นายกฯ ถึงจะไป เรื่องลาออกไม่มีแน่ และที่สุดอาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่! หากว่าเขาสั่งการใดๆ ให้เลือดไทยผู้รักชาติต้องไหลนองแผ่นดินอีกครั้ง

เพราะเหตุผลที่ว่า บ้านเมืองของเราเป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีสิ่งศักดิ์คุ้มครองปกป้องอยู่ ทั้งเมื่อจิตวิญญาณของประชาชนคนไทยผู้รักชาติมิได้กลัวความตาย เหตุไฉน จึงจะเอาความตายไปให้ประชาชน ถ้าเขาสั่งการใดๆให้เลือดไทยต้องไหลนองอีกครั้ง การจลาจลย่อมเกิดขึ้นเป็นแน่. มองไม่เห็นป้ายโพกศีรษะผู้รักชาติคนไทยที่ไปร่วมชุมนุมหรือ โดยเฉพาะข้อความที่ว่า “เราพร้อมยอมพลีชีพ เพื่อพิทักษ์ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” หรือไร


ถ้า นายสมัครนายกฯ นอมินีเสนียด จะได้เห็นด้วยสายตาตัวเองเสียก่อนและมีเวลาได้ตรึกตรองด้วยตัวเอง เขาก็คงจะไม่ออกคำสั่งให้ตำรวจตระเวนชายแดนจากทางชายแดนกาญจนบุรีเข้ามาสมทบกับกองกำลังที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ อีก เรื่องสลายการชุมนุมคงเลิกไป ทั้งไม่หนุนให้คนไทยกับคนไทยปะทะกันเอง เลือดคนไทยก็จะไม่นองแผ่นดินเกิดขึ้นอีก บนสถานการณ์ร้อนๆเช่นนี้ ไม่มีใครจะลิขิตชะตาชีวิตนายสมัครคนนี้ได้ มีแต่นายสมัครเท่านั้นที่จะลิขิตชะตาชีวิตของเขาเอง ว่าบั้นสุดท้ายของชีวิตนี้จะเดินทางไปทางใด

ซึ่งผู้คนนับล้านๆ คนทั้งในประเทศไทย นอกประเทศ คนต่างประเทศ ก็รอชมฉากสุดท้าย ชะตาชีวิตของสมัครกันอยู่ว่าคงดื้อด้านประเภทตาใส จนลมหายใจสุดท้าย แบบถูกถีบลงจากเก้าอี้เหมือนในอดีต! หรือมีคำพิพากษาศาลเรื่อง คดีหมิ่นประมาทและคดีชิมไปบ่นไปภายในเดือนกันยายนนี้จนต้องหล่นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปเสียก่อนเท่านั้น.

นี่..เป็นบันทึกของผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่า กฎแห่งกรรมมีจริง รอเวลาให้ใครคนหนึ่ง ชดใช้กรรมที่ก่อไว้กรณี 6 ตุลาคม 19 จนได้ ไม่ช้านักนี้แล้ว..








กำลังโหลดความคิดเห็น