หนังสือพิมพ์โยมิอูริของญี่ปุ่นเสนอผลการสำรวจพบว่าชาวญี่ปุ่นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งราว 1 ใน 3 ต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราสำคัญ ซึ่งร่างขึ้นโดยสหรัฐฯ ที่ใช้มาตั้งแต่หลังสิ้นสุดสงครามโลก ครั้งที่ 2
ผลการสำรวจจากทั่วประเทศโดยสุ่มจากประชากรกลุ่มตัวอย่าง 1,700 คน พบว่าผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งร้อยละ 31 ต้องการให้แก้ไขมาตราที่ระบุการปฏิเสธทำสงครามและห้ามญี่ปุ่นใช้กำลังทหารแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ
ผลสำรวจนี้ทำขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่าชาวญี่ปุ่นร้อยละ 36 ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต้องการให้มีการตีความมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2490 อย่างกว้างขวางขึ้น เพื่อนำไปสู่การดำเนินการระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นงานยากเนื่องจากต้องได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 จากทั้งสองสภา อีกทั้งต้องได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่เมื่อมีการลงประชามติ
ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 52 กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องมีบทบัญญัติว่าญี่ปุ่นต้องช่วยเหลือพันธมิตรเมื่อถูกโจมตี โดยมีเพียงร้อยละ 19 ที่บอกว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีเนื้อหาที่ครอบคลุมการช่วยเหลือชาติพันธมิตรด้วย ส่วนชาวญี่ปุ่นอีกร้อยละ 22 กล่าวว่า ชาวญี่ปุ่นควรตีความมาตรา 9 ในลักษณะหลวม ๆ เพื่อทำให้การร่วมมือป้องกันตนเองกับชาติอื่นมีความเป็นไปได้
ทั้งนี้ ภายใต้การตีความในปัจจุบันพบว่าญี่ปุ่นไม่สามารถยิงทำลายขีปนาวุธที่ไม่ได้พุ่งเป้าหมายมาที่ญี่ปุ่นได้ แต่จะอนุญาตให้ยิงทำลายได้หากขีปนาวุธลูกนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังชาติพันธมิตรเช่นสหรัฐฯ
ผลการสำรวจจากทั่วประเทศโดยสุ่มจากประชากรกลุ่มตัวอย่าง 1,700 คน พบว่าผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งร้อยละ 31 ต้องการให้แก้ไขมาตราที่ระบุการปฏิเสธทำสงครามและห้ามญี่ปุ่นใช้กำลังทหารแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ
ผลสำรวจนี้ทำขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่าชาวญี่ปุ่นร้อยละ 36 ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งต้องการให้มีการตีความมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2490 อย่างกว้างขวางขึ้น เพื่อนำไปสู่การดำเนินการระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นงานยากเนื่องจากต้องได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 จากทั้งสองสภา อีกทั้งต้องได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่เมื่อมีการลงประชามติ
ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 52 กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องมีบทบัญญัติว่าญี่ปุ่นต้องช่วยเหลือพันธมิตรเมื่อถูกโจมตี โดยมีเพียงร้อยละ 19 ที่บอกว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีเนื้อหาที่ครอบคลุมการช่วยเหลือชาติพันธมิตรด้วย ส่วนชาวญี่ปุ่นอีกร้อยละ 22 กล่าวว่า ชาวญี่ปุ่นควรตีความมาตรา 9 ในลักษณะหลวม ๆ เพื่อทำให้การร่วมมือป้องกันตนเองกับชาติอื่นมีความเป็นไปได้
ทั้งนี้ ภายใต้การตีความในปัจจุบันพบว่าญี่ปุ่นไม่สามารถยิงทำลายขีปนาวุธที่ไม่ได้พุ่งเป้าหมายมาที่ญี่ปุ่นได้ แต่จะอนุญาตให้ยิงทำลายได้หากขีปนาวุธลูกนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังชาติพันธมิตรเช่นสหรัฐฯ
