ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องดูในภาพรวม เพราะเราต้องยอมรับว่า วิกฤตทางเศรษฐกิจการเมืองที่เกิดขึ้นมีผลพวงจากรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ตายตัว ทำให้การเมืองมีทางตัน และคนจำนวนมากมีความเห็นด้วยว่า เมื่อประชาธิปไตยกลับคืนมา กฎหมายที่ร่างในช่วงที่ประเทศไม่มีประชาธิปไตย ควรมีการตรวจสอบทบทวน และแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไข การแก้ไขคร้งนี้ต้องดูทั้งระบบ ไม่ใช่มาตราใดมาตราหนึ่ง
ส่วนกรณีที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติมาจากประชาชนแล้ว เร็วเกินไปหรือไม่ที่จะแก้ไข ร.ท.กุเทพ ระบุว่า ไม่เป็นไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าการเสนอให้ลงประชามตินั้น ต้องการจะเอาเรื่องดังกล่าวมาปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะว่ามีการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการได้อำนาจมาโดยไม่ชอบ และรู้ว่าจะไม่มีความชอบธรรมในการใช้กฏหมาย จึงต้องให้ลงประชามติ
ร.ท.กุเทพ ยังกล่าวถึงจะให้ประชาชนลงประชามติ หรือสอบถามว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า คงต้องดูก่อนว่าทำประชามติแล้ว เป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่าหรือไม่ เพราะต้องเสียเงินถึง 2,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้คงได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยไม่ต้องทำประชามติเพื่อสอบถาม
นอกจากนี้ ร.ท.กุเทพ ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อพรรค จะมีความเหมาะสมหรือไม่ โดยยอมรับว่า มีเสียงกล่าวหาเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน โดยอย่างที่บอกไว้ว่าต้องแก้ทั้งระบบ เพราะถ้ามีการยุบพรรคการเมืองอีก ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งพรรคมอบฝ่ายกฏหมายดูแลประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึง ส.ส.เสนอในเวทีสภา ในการช่วยศึกษาว่าจะแก้ไขประเด็นใดบ้าง เพราะ ส.ส.พรรคพลังประชาชนพรรคเดียวคงทำไม่ได้ ต้องให้ ส.ส.คนอื่นๆ ช่วยด้วย
ส่วนความหวั่นเกรงว่าจะเกิดความเห็นที่แตกต่างจนทำให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามนั้น ร.ท.กุเทพ ระบุว่า เราสามารถอธิบายได้ ถ้าไม่มีอำนาจอื่น หรืออำนาจที่สามเข้ามาแทรกแซง เพราะระบอบประชาธิปไตยสามารถเดินไปได้ ซึ่งกลุ่มใดที่มีความเห็นแตกต่าง สามารถพูดคุยเสนอความเห็นได้ และขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อย
ส่วนกรณีที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติมาจากประชาชนแล้ว เร็วเกินไปหรือไม่ที่จะแก้ไข ร.ท.กุเทพ ระบุว่า ไม่เป็นไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าการเสนอให้ลงประชามตินั้น ต้องการจะเอาเรื่องดังกล่าวมาปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะว่ามีการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการได้อำนาจมาโดยไม่ชอบ และรู้ว่าจะไม่มีความชอบธรรมในการใช้กฏหมาย จึงต้องให้ลงประชามติ
ร.ท.กุเทพ ยังกล่าวถึงจะให้ประชาชนลงประชามติ หรือสอบถามว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า คงต้องดูก่อนว่าทำประชามติแล้ว เป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่าหรือไม่ เพราะต้องเสียเงินถึง 2,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้คงได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยไม่ต้องทำประชามติเพื่อสอบถาม
นอกจากนี้ ร.ท.กุเทพ ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อพรรค จะมีความเหมาะสมหรือไม่ โดยยอมรับว่า มีเสียงกล่าวหาเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน โดยอย่างที่บอกไว้ว่าต้องแก้ทั้งระบบ เพราะถ้ามีการยุบพรรคการเมืองอีก ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งพรรคมอบฝ่ายกฏหมายดูแลประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึง ส.ส.เสนอในเวทีสภา ในการช่วยศึกษาว่าจะแก้ไขประเด็นใดบ้าง เพราะ ส.ส.พรรคพลังประชาชนพรรคเดียวคงทำไม่ได้ ต้องให้ ส.ส.คนอื่นๆ ช่วยด้วย
ส่วนความหวั่นเกรงว่าจะเกิดความเห็นที่แตกต่างจนทำให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามนั้น ร.ท.กุเทพ ระบุว่า เราสามารถอธิบายได้ ถ้าไม่มีอำนาจอื่น หรืออำนาจที่สามเข้ามาแทรกแซง เพราะระบอบประชาธิปไตยสามารถเดินไปได้ ซึ่งกลุ่มใดที่มีความเห็นแตกต่าง สามารถพูดคุยเสนอความเห็นได้ และขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อย
