พิษณุโลก - สมัชชาประชาชนฯพิษณุโลก-กำแพงเพชร รวมตัวยื่นหนังสือต่อพาณิชย์จังหวัด แก้ปัญหาข้าวของแพง ฝากผ่านไปยังรัฐบาลสมัคร อย่ามัวแต่แก้ปัญหารัฐธรรมนูญ หากทำไม่ได้ก็ต้องออกไป
ผู้สื่อช่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนภาคเหนือตอนล่างสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย, ชมรมยามเฝ้าแผ่นดินพิษณุโลก, สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ภาคเหนือ ในแต่ละจังหวัดทั้ง 29 จังหวัด ได้ออกตะเวนยื่นข้อเสนอ และข้อเรียกร้องต่อพาณิชย์จังหวัดถึงปัญหาราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ในสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (13 มิ.ย.2551) ที่จังหวัดกำแพงเพชร แกนนำสมัชชาประชาชนจังหวัดกำแพงเพชรและกลุ่มสมัชชา จำนวน 30 คนรวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อยื่นหนังสือต่อพาณิชย์จังหวัด
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน สมัชชาจังหวัดพิษณุโลก 10 คนที่นำโดยนายภูริทัติ สุธาธรรม แกนนำสมัชชาฯพิษณุโลก ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อปัญหาข้าวของแพง ต่อพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้แก้ปัญหา ข้าวแพง น้ำแพง
ทั้งนี้ได้ยื่นแถลงการณ์ร่วม เรื่อง รัฐบาลสมัคร-เฉลิม ต้องเร่งแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนว่า เพียงแค่ 3 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลสมัคร-เฉลิม ประชาชนไทยต้องประสบภาวะข้าวยากหมากแพง น้ำมันราคาสูงลิ่วจนน่าตกใจ และมีโอกาสสูงต่อเนื่องจนอาจทะลุราคา ลิตรละ 50 บาท
ส่งผลให้สินค้าทุกชนิดถีบตัวขึ้นราคา มีค่าครองชีพโหดหินจนประชาชนเกือบทุกอาชีพ ไม่อาจแบกรับภาระต่อไปได้อีก เกิดสภาพตกทุกข์ได้ยากอย่างรุนแรง ถ้วนหน้า โดยรัฐบาลไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
พร้อมกับชี้ว่า ปัญหาน้ำมันแพงนั้น ไม่ใช่สาเหตุจากการปั่นราคาน้ำมันโลกประการเดียว และ ขณะนี้ปตท. ได้กำไรมหาศาล บนหยาดเหงื่อและหยดเลือดของ คนไทย และยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อทราบว่า เรากลั่นน้ำมันได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งขายในประเทศให้คนไทยส่วนใหญ่ซื้อตามปั๊ม ของ ปตท. 7 แสนบาร์เรลในราคาที่สูงเทียบกับสิงค์โปร์ และส่งออกแสนกว่าบาร์เรล ขายต่างชาติ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่สิงค์โปร์ คนไทยซื้อน้ำมันที่กลั่นในไทย แพงกว่า น้ำมันไทยที่ขายต่อต่างชาติ เหมือนที่ คนไทยซื้อน้ำตาลจากเมืองไทย แพงกว่า น้ำตาลไทยที่ขายให้ต่างชาติ
นอกจากนั้น หาก ปตท.ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท เขาก็ยังได้กำไรอยู่มากกว่า 1 แสนล้านต่อปี หรือลดลง ลิตรละ 5 บาทก็ยังกำไรมากกว่า 1 แสนล้านต่อปี เช่นเดิม
แกนนำพันธมิตรฯพิษณุโลก ย้ำว่า ราคาน้ำมันเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่และสาขาอาชีพของประชาชนเกือบทั้งหมด ดังนั้นประชาชนในอาชีพรถขนส่ง ประมง ฟาร์มกุ้ง เกษตรกร ครู อาจารย์ ข้าราชการ ผู้ค้ารายย่อย ฯลฯ ล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำมันทั้งสิ้น
สังคมทุกข์ยาก ชีวิตคนไทยตกอับยากจนข้นแค้น โดยปราศจากความเห็นใจจากรัฐบาลสมัครเฉลิม ซ้ำยังคิดเอาแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ใยดีต่อชีวิตของประชาชนเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น พวกเราจึงขอเรียกร้องและเตือนรัฐบาลสมัครเฉลิม ว่า
1. ท่านต้องช่วยเหลือประชาชน แก้ไขความทุกข์ยากโดยเร็ว จากสภาพน้ำมันราคาสูง ที่ทำให้ ปตท. รวยเอารวยเอา น้ำตาลราคาแพงแต่ชาวไร่อ้อยกลับจนลง ข้าวสารราคาแพงแต่ชาวนากลับยากจน นั่นคือภาวะข้าวยากหมากแพงที่รุนแรงนี้ โดยลดราคาน้ำมันลงอีกไม่น้อยกว่าลิตรละ 5 บาท ( ซึ่งท่านทำได้ หากท่านยืนอยู่กับประชาชน ) ไม่เช่นนั้นก็ลาออกไป
2. ท่านต้องช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งมีฐานะที่ยากจนกว่าอาชีพอื่นๆในประเทศนี้ โดยเร็ว ทั้งปัญหาที่ดินที่ทำกิน ปัญหาหนี้สินที่ตกค้างมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะหน้านี้ท่านต้องมีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในการดำรงชีวิต โดยเร่งด่วนในภาวะข้าวยากหมากแพงดังข้อที่ 1 ไม่เช่นนั้นก็ลาออกไป
3.หยุดสนใจแต่เกมการเมือง หยุดการฉ้อราษฎร์บังหลวงในภาวะที่ประเทศกำลังอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ เช่น เรื่องได้ค่าคอมมิชชั่นคันละ 1 ล้านบาท ของรถเมล์ กทม. 6,000 คัน หยุดความพยายามจะเอาแต่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ท่านหันมาสนใจชีวิตของประชาชน ทุ่มเททรัพยากรและกลไกอำนาจรัฐมาช่วยเหลือประชาชน ไม่เช่นนั้นก็ลาออกไป
ผู้สื่อช่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนภาคเหนือตอนล่างสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย, ชมรมยามเฝ้าแผ่นดินพิษณุโลก, สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ภาคเหนือ ในแต่ละจังหวัดทั้ง 29 จังหวัด ได้ออกตะเวนยื่นข้อเสนอ และข้อเรียกร้องต่อพาณิชย์จังหวัดถึงปัญหาราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ในสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (13 มิ.ย.2551) ที่จังหวัดกำแพงเพชร แกนนำสมัชชาประชาชนจังหวัดกำแพงเพชรและกลุ่มสมัชชา จำนวน 30 คนรวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อยื่นหนังสือต่อพาณิชย์จังหวัด
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน สมัชชาจังหวัดพิษณุโลก 10 คนที่นำโดยนายภูริทัติ สุธาธรรม แกนนำสมัชชาฯพิษณุโลก ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อปัญหาข้าวของแพง ต่อพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้แก้ปัญหา ข้าวแพง น้ำแพง
ทั้งนี้ได้ยื่นแถลงการณ์ร่วม เรื่อง รัฐบาลสมัคร-เฉลิม ต้องเร่งแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนว่า เพียงแค่ 3 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลสมัคร-เฉลิม ประชาชนไทยต้องประสบภาวะข้าวยากหมากแพง น้ำมันราคาสูงลิ่วจนน่าตกใจ และมีโอกาสสูงต่อเนื่องจนอาจทะลุราคา ลิตรละ 50 บาท
ส่งผลให้สินค้าทุกชนิดถีบตัวขึ้นราคา มีค่าครองชีพโหดหินจนประชาชนเกือบทุกอาชีพ ไม่อาจแบกรับภาระต่อไปได้อีก เกิดสภาพตกทุกข์ได้ยากอย่างรุนแรง ถ้วนหน้า โดยรัฐบาลไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
พร้อมกับชี้ว่า ปัญหาน้ำมันแพงนั้น ไม่ใช่สาเหตุจากการปั่นราคาน้ำมันโลกประการเดียว และ ขณะนี้ปตท. ได้กำไรมหาศาล บนหยาดเหงื่อและหยดเลือดของ คนไทย และยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อทราบว่า เรากลั่นน้ำมันได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งขายในประเทศให้คนไทยส่วนใหญ่ซื้อตามปั๊ม ของ ปตท. 7 แสนบาร์เรลในราคาที่สูงเทียบกับสิงค์โปร์ และส่งออกแสนกว่าบาร์เรล ขายต่างชาติ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่สิงค์โปร์ คนไทยซื้อน้ำมันที่กลั่นในไทย แพงกว่า น้ำมันไทยที่ขายต่อต่างชาติ เหมือนที่ คนไทยซื้อน้ำตาลจากเมืองไทย แพงกว่า น้ำตาลไทยที่ขายให้ต่างชาติ
นอกจากนั้น หาก ปตท.ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท เขาก็ยังได้กำไรอยู่มากกว่า 1 แสนล้านต่อปี หรือลดลง ลิตรละ 5 บาทก็ยังกำไรมากกว่า 1 แสนล้านต่อปี เช่นเดิม
แกนนำพันธมิตรฯพิษณุโลก ย้ำว่า ราคาน้ำมันเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่และสาขาอาชีพของประชาชนเกือบทั้งหมด ดังนั้นประชาชนในอาชีพรถขนส่ง ประมง ฟาร์มกุ้ง เกษตรกร ครู อาจารย์ ข้าราชการ ผู้ค้ารายย่อย ฯลฯ ล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำมันทั้งสิ้น
สังคมทุกข์ยาก ชีวิตคนไทยตกอับยากจนข้นแค้น โดยปราศจากความเห็นใจจากรัฐบาลสมัครเฉลิม ซ้ำยังคิดเอาแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ใยดีต่อชีวิตของประชาชนเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น พวกเราจึงขอเรียกร้องและเตือนรัฐบาลสมัครเฉลิม ว่า
1. ท่านต้องช่วยเหลือประชาชน แก้ไขความทุกข์ยากโดยเร็ว จากสภาพน้ำมันราคาสูง ที่ทำให้ ปตท. รวยเอารวยเอา น้ำตาลราคาแพงแต่ชาวไร่อ้อยกลับจนลง ข้าวสารราคาแพงแต่ชาวนากลับยากจน นั่นคือภาวะข้าวยากหมากแพงที่รุนแรงนี้ โดยลดราคาน้ำมันลงอีกไม่น้อยกว่าลิตรละ 5 บาท ( ซึ่งท่านทำได้ หากท่านยืนอยู่กับประชาชน ) ไม่เช่นนั้นก็ลาออกไป
2. ท่านต้องช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งมีฐานะที่ยากจนกว่าอาชีพอื่นๆในประเทศนี้ โดยเร็ว ทั้งปัญหาที่ดินที่ทำกิน ปัญหาหนี้สินที่ตกค้างมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะหน้านี้ท่านต้องมีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในการดำรงชีวิต โดยเร่งด่วนในภาวะข้าวยากหมากแพงดังข้อที่ 1 ไม่เช่นนั้นก็ลาออกไป
3.หยุดสนใจแต่เกมการเมือง หยุดการฉ้อราษฎร์บังหลวงในภาวะที่ประเทศกำลังอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ เช่น เรื่องได้ค่าคอมมิชชั่นคันละ 1 ล้านบาท ของรถเมล์ กทม. 6,000 คัน หยุดความพยายามจะเอาแต่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ท่านหันมาสนใจชีวิตของประชาชน ทุ่มเททรัพยากรและกลไกอำนาจรัฐมาช่วยเหลือประชาชน ไม่เช่นนั้นก็ลาออกไป