พิษณุโลก – พันธมิตรฯ เมืองสองแคว ออกแถลงการณ์ร่วม จี้ “รัฐบาลสมัคร-เป็ดเหลิม” เร่งแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน ถล่ม ปตท.สูบเลือดคนไทย โดยมีนักธุรกิจ-นักการเมืองชั่วอยู่เบื้องหลัง
รายงานข่าวจากจังหวัดพิษณุโลกแจ้งว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดพิษณุโลก ได้ออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาว่า พ.ศ.2551 เพียงแค่ 3 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลสมัคร-เฉลิม ประชาชนไทยต้องประสบภาวะข้าวยากหมากแพง น้ำมันราคาสูงลิ่วจนน่าตกใจ และมีโอกาสสูงต่อเนื่องจนอาจทะลุราคาลิตรละ 50 บาท
ส่งผลให้สินค้าทุกชนิดถีบตัวขึ้นราคา มีค่าครองชีพโหดหินจนประชาชนเกือบทุกอาชีพ ไม่อาจแบกรับภาระต่อไปได้อีก เกิดสภาพตกทุกข์ได้ยากอย่างรุนแรง ถ้วนหน้า โดยรัฐบาลไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เราเห็นว่าปัญหาน้ำมันแพงนั้นไม่ใช่สาเหตุจากการปั่นราคาน้ำมันโลกประการเดียว ดังจะเห็นได้จาก
- พ.ศ.2545 ขณะที่ ปตท.ยังเป็นของรัฐ กำไรโรงกลั่นคือ 22,000 บาท ราคาน้ำมันต่อลิตรเฉลี่ย 23 บาท
- พ.ศ.2547 หลังรัฐบาลทักษิณแปรรูป ปตท. และหุ้นส่วนใหญ่เป็นของพวกไทยรักไทย กำไรพุ่งทะยานไปที่ 120,000 ล้านบาท ( อ่านว่า แสนสองหมื่นล้านบาท )
- พ.ศ.2548 กำไรของ ปตท. พุ่งทะยานไปที่เกือบ 2 แสนล้านบาท
- พ.ศ.2550 ปีที่แล้ว ในขณะที่ราคาน้ำมันต่อลิตร ที่ประชาชนต้องบริโภคนั้น ขึ้นราคารายวัน โดยรัฐบาลอ้างเหตุสารพัด แต่กำไรของ ปตท. (ที่ถือหุ้นโดยเศรษฐีไทยรักไทยเดิม) และเริ่มมีภาวะข้าวยากหมากแพง ยังคงอยู่ที่ 169,000 ล้านบาท
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า นี่มันอะไรกัน ทำไม ปตท.บริษัทน้ำมันที่เดิมเป็นของประชาชนไทยโดยรวม ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทมหาชนผูกขาดของเศรษฐีไทย กลับมีกำไรกว่าแสนล้านบาท ขณะที่คนไทยต้องซื้อน้ำมันราคาแพงมาก
“ปตท.ได้กำไรมหาศาล บนหยาดเหงื่อและหยดเลือดของคนไทย”
แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ พิษณุโลก ระบุอีกว่า และยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อทราบว่า เรากลั่นน้ำมันได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งขายในประเทศให้คนไทยส่วนใหญ่ซื้อตามปั๊มของ ปตท.7 แสนบาร์เรลในราคาที่สูงเทียบกับสิงค์โปร์ แต่ส่งออกแสนกว่าบาร์เรล ขายต่างชาติ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่สิงค์โปร์
“คนไทยซื้อน้ำมันที่กลั่นในไทยแพงกว่าน้ำมันไทยที่ขายต่อต่างชาติ เหมือนที่ คนไทยซื้อน้ำตาลจากเมืองไทยแพงกว่า น้ำตาลไทยที่ขายให้ต่างชาติ”
นอกจากนั้น หาก ปตท.ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท เขาก็ยังได้กำไรอยู่มากกว่า 1 แสนล้านต่อปี หรือลดลงลิตรละ 5 บาท ก็ยังกำไรมากกว่า 1 แสนล้านต่อปี เช่นเดิม
สาเหตุใหญ่ประการหนึ่งของน้ำมันแพงจึงอยู่ที่บริษัทน้ำมันเช่น ปตท.ที่ได้ตกไปอยู่ในมือของข้าราชการระดับสูงผู้เลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน นักธุรกิจผู้เห็นแก่ตัว และนักการเมืองค้าน้ำมันซึ่งนั่งเป็นรัฐบาลในขณะนี้อยู่หลายคน
รายงานข่าวจากจังหวัดพิษณุโลกแจ้งว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดพิษณุโลก ได้ออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาว่า พ.ศ.2551 เพียงแค่ 3 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลสมัคร-เฉลิม ประชาชนไทยต้องประสบภาวะข้าวยากหมากแพง น้ำมันราคาสูงลิ่วจนน่าตกใจ และมีโอกาสสูงต่อเนื่องจนอาจทะลุราคาลิตรละ 50 บาท
ส่งผลให้สินค้าทุกชนิดถีบตัวขึ้นราคา มีค่าครองชีพโหดหินจนประชาชนเกือบทุกอาชีพ ไม่อาจแบกรับภาระต่อไปได้อีก เกิดสภาพตกทุกข์ได้ยากอย่างรุนแรง ถ้วนหน้า โดยรัฐบาลไม่เคยสนใจที่จะเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เราเห็นว่าปัญหาน้ำมันแพงนั้นไม่ใช่สาเหตุจากการปั่นราคาน้ำมันโลกประการเดียว ดังจะเห็นได้จาก
- พ.ศ.2545 ขณะที่ ปตท.ยังเป็นของรัฐ กำไรโรงกลั่นคือ 22,000 บาท ราคาน้ำมันต่อลิตรเฉลี่ย 23 บาท
- พ.ศ.2547 หลังรัฐบาลทักษิณแปรรูป ปตท. และหุ้นส่วนใหญ่เป็นของพวกไทยรักไทย กำไรพุ่งทะยานไปที่ 120,000 ล้านบาท ( อ่านว่า แสนสองหมื่นล้านบาท )
- พ.ศ.2548 กำไรของ ปตท. พุ่งทะยานไปที่เกือบ 2 แสนล้านบาท
- พ.ศ.2550 ปีที่แล้ว ในขณะที่ราคาน้ำมันต่อลิตร ที่ประชาชนต้องบริโภคนั้น ขึ้นราคารายวัน โดยรัฐบาลอ้างเหตุสารพัด แต่กำไรของ ปตท. (ที่ถือหุ้นโดยเศรษฐีไทยรักไทยเดิม) และเริ่มมีภาวะข้าวยากหมากแพง ยังคงอยู่ที่ 169,000 ล้านบาท
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า นี่มันอะไรกัน ทำไม ปตท.บริษัทน้ำมันที่เดิมเป็นของประชาชนไทยโดยรวม ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทมหาชนผูกขาดของเศรษฐีไทย กลับมีกำไรกว่าแสนล้านบาท ขณะที่คนไทยต้องซื้อน้ำมันราคาแพงมาก
“ปตท.ได้กำไรมหาศาล บนหยาดเหงื่อและหยดเลือดของคนไทย”
แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ พิษณุโลก ระบุอีกว่า และยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อทราบว่า เรากลั่นน้ำมันได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งขายในประเทศให้คนไทยส่วนใหญ่ซื้อตามปั๊มของ ปตท.7 แสนบาร์เรลในราคาที่สูงเทียบกับสิงค์โปร์ แต่ส่งออกแสนกว่าบาร์เรล ขายต่างชาติ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่สิงค์โปร์
“คนไทยซื้อน้ำมันที่กลั่นในไทยแพงกว่าน้ำมันไทยที่ขายต่อต่างชาติ เหมือนที่ คนไทยซื้อน้ำตาลจากเมืองไทยแพงกว่า น้ำตาลไทยที่ขายให้ต่างชาติ”
นอกจากนั้น หาก ปตท.ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท เขาก็ยังได้กำไรอยู่มากกว่า 1 แสนล้านต่อปี หรือลดลงลิตรละ 5 บาท ก็ยังกำไรมากกว่า 1 แสนล้านต่อปี เช่นเดิม
สาเหตุใหญ่ประการหนึ่งของน้ำมันแพงจึงอยู่ที่บริษัทน้ำมันเช่น ปตท.ที่ได้ตกไปอยู่ในมือของข้าราชการระดับสูงผู้เลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน นักธุรกิจผู้เห็นแก่ตัว และนักการเมืองค้าน้ำมันซึ่งนั่งเป็นรัฐบาลในขณะนี้อยู่หลายคน