บุรีรัมย์ - ชาวบ้านและนักเรียนโรงเรียนวัดบ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ สุดทนชุมนุมขับไล่ ผอ.โรงเรียน ออกนอกพื้นที่ด่วน กล่าวหาทุจริตเงินโรงเรียน 23 โครงการนาน 6 ปี รวมกว่า 10 ล้าน ด้านเจ้าตัวปัดข้อกล่าวหาประกาศลั่นให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ตลอดเวลา ขณะที่ ผอ.สพท. เขต 2 บุรีรัมย์ ด่วนชี้นำเป็นเกมส์การเมืองท้องถิ่นใกล้เปิดศึกเลือกตั้ง อบต.โดยใช้โรงเรียนเป็นสนามต่อสู้ พร้อมตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และนักเรียนกว่า 200 คนได้รวมตัวชุมนุมประท้วงภายในบริเวณโรงเรียนวัดบ้านไทร เพื่อขับไล่ นายวงศ์วัฒน์ ภูมิประโคน ผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนวัดบ้านไทยออกนอกพื้นที่ โดยตัวแทนชาวบ้านได้ผลัดกันกล่าวโจมตีการทำงานของ นายวงศ์วัฒน์ กล่าวหาว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งที่โรงเรียนจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 6 ปี มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ทุจริตเงินโครงการต่างๆ ในโรงเรียน
โดยเฉพาะเงินที่ได้จากการบริจาคของผู้สนับสนุนโรงเรียนในแต่ละปีรวมแล้วร่วม 10 ล้านบาท ซึ่งมีการจัดการบริหารเงินเอง ส่วนคณะกรรมการไม่มีสิทธิ์คัดค้าน ทำให้ชาวบ้านทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว จึงรวมตัวประท้วง เพื่อขับไล่ให้ออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด
การชุมนุมเริ่มบานปลาย เมื่อชาวบ้านได้เรียกร้องให้ นายวงศ์วัฒน์ ผอ.โรงเรียนออกมาชี้แจงต่อหน้าชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุม แต่ นายวงศ์วัฒน์ ได้ส่งตัวแทนมาเจรจา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจและเตรียมจะบุกเข้าไปพบ ผอ.ในห้องทำงาน ต่อมานายวงศ์วัฒน์ ผอ.จึงยอมออกมาพบปะกับชาวบ้าน พร้อมชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งหมดและขอเวลาพิสูจน์ตัวเองก่อน แต่ชาวบ้านได้ยื่นข้อเสนอให้ ผอ.โรงเรียน สัญญากับชาวบ้านว่าจะย้ายออกจากโรงเรียนจึงจะยุติการชุมนุม ซึ่งหากยังไม่ได้คำตอบจะไม่ยอมให้บุตรหลานมาโรงเรียนทั้งหมด
นายปรีชา อุดมสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านไทร และคณะกรรมการสถานศึกษา กล่าวว่า โรงเรียนวัดบ้านไทร มีผู้ใจบุญจากกรุงเทพฯ ให้การสนับสนุนบริจาคช่วยเหลือโรงเรียนมาโดยตลอด การทุจริตของผู้อำนวยการโรงเรียน ชาวบ้านรู้มานานตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่ามีการทุจริตถึง 23 โครงการ เช่น การสร้างอาคารเรียนใช้งบบริจาคงบประมาณ 7 ล้านบาท การสร้างห้องครัว ห้องสมุด และงบประมาณสาธารณูปโภคทุกอย่าง นอกจากนี้ยังนำอาคารหลังเก่ามาสร้างขึ้นใหม่ แต่ใช้งบประมาณเงินสลากกินแบ่งรัฐบาลอีกจำนวน 300,000 บาท
นายปรีชา ยังกล่าวด้วยว่า โรงเรียนมีที่ดินว่างเปล่าประมาณ 30 ไร่ ที่ผ่านมาโรงเรียนได้ใช้ทำนาเก็บเกี่ยวข้าวมาเป็นอาหารกลางวัน และขายเป็นเงินกองกลาง หลังจาก นายวงศ์วัฒน์ มารับตำแหน่ง ผอ.ที่นี่กลับนำที่ดินดังกล่าวไปปลูกอ้อย โดยการใช้แรงงานจากเด็กนักเรียนแต่เบิกค่าแรงค่าปุ๋ยเคมี รวมถึงค่าพันธุ์อ้อยทั้งหมดกับโรงงานน้ำตาล สุดท้ายขายอ้อยไม่พอกับเงินที่เบิกมาก่อนทำให้โรงเรียนมีหนี้สินกับโรงงานน้ำตาล ขณะนี้ยังไม่ได้ชำระหนี้ การกระทำดังกล่าวของ นายวงศ์วัฒน์ ภูมิประโคน ผอ.โรงเรียน ชาวบ้านรับไม่ได้และต้องการให้ นายวงศ์วัฒน์ ออกจากพื้นที่สถานเดียว
ด้าน นายวงศ์วัฒน์ ภูมิประโคน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านไทร ที่ถูกชุมนุมขับไล่ กล่าวว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งผู้อำนวยการเมื่อ 6 ปีก่อน ได้ทำโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาการศึกษา ให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถ รวมถึงการพัฒนาอาคารสถานที่ให้เหมาะสมกับนักเรียนกว่า 400 คน 6 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยทำงานข้ามระบบ ทุกอย่างทำตามข้อระเบียบมีเอกสารประกอบทุกโครงการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เข้าใจว่าการชุมนุมครั้งนี้ที่ต้องการให้ ออกจากพื้นที่เพียงอย่างเดียวเป็นเพราะอะไร ทั้งที่ตนเองพร้อมให้ชาวบ้านพิสูจน์และพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงได้ทุกเวลา จึงคาดว่าน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
“หลังจากนี้ จะเข้าไปชี้แจงกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนจะย้ายอออกจากพื้นที่หรือไม่จะต้องรับฟังนโยบายของเขตพื้นที่การศึกษาเป็นหลัก” นายวงศ์วัฒน์ กล่าว
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีกวี เพ็งศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) บุรีรัมย์เขต 2 กล่าวว่า โรงเรียนวัดบ้านไทรเป็นโรงเรียนที่ปรับระดับตัวเอง ด้านการพัฒนาการศึกษาทุกด้านขึ้นมาอยู่ในลำดับต้นๆ ใน สพท.เขต 2 ที่มีโรงเรียนอยู่ 244 โรง โดยตัวผู้บริหารเองได้มีการระดมทรัพยากรจากภาคเอกชนโดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด การชุมนุมที่เกิดขึ้นเชื่อว่าน่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่น โดยใช้โรงเรียนเป็นสนามต่อสู้ เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไทร ใกล้หมดวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งอาจเป็นการทำลายฐานเสียงฝ่ายตรงข้าม ซึ่งทำงานคู่กับโรงเรียนมาด้วยดี
“ในส่วนตัวมอง ว่า ผู้ที่มีความรู้ไม่ควรจะนำโรงเรียนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโรงเรียนและพัฒนาการศึกษาของเด็ก อย่างไรก็ตามจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และหากตรวจสอบข้อมูลหลักฐานแล้วพบว่าผู้ที่ถูกร้องเรียนไม่มีความผิด เขตพื้นที่การศึกษาก็ไม่สามารถลงโทษได้” ว่าที่ร้อยตรีกวี กล่าว