แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯ สั่งทบทวนผลสำรวจโครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการเพื่อชีวิตและการยึดเหนี่ยวด้านสังคมในจังหวัดแม่ฮ่องสอนของ UNDP ยันบางปัญหาแก้ไขแล้ว พร้อมย้ำหลังจากนี้ UNDP ต้องขจัดความเคลือบแคลงต่อรัฐบาลพม่าก่อนเข้าพื้นที่ - สั่งห้ามยุ่งเกี่ยวปัญหาผู้ลี้ภัย อ้างเกรงกระทบความสัมพันธ์ไทย-พม่า
นายยูชเว ยูเช รองผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้นำเสนอผลการสำรวจข้อมูลในพื้นที่เพื่อนำเข้ามาสู่โครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการ เพื่อคุณภาพชีวิตและการยึดเหนี่ยวด้านสังคมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่ดัชนีการพัฒนามนุษย์ต่ำที่สุดในประเทศไทย ( ลำดับที่ 76 ) ประกอบด้วยจำนวนประชากร 253,000 คน มีเพียงร้อยละ 7.4 เท่านั้นที่อาศัยในชุมชนเมือง มีประชากรที่เป็นผู้ลี้ภัยจำนวนมากกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และประชากรจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวเขา พูดภาษาท้องถิ่น
ปัญหาที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มี 9 ประการได้แก่ 1.การคมนาคมติดต่อสื่อสาร เนื่องจากข้อจำกัดของสภาพภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขา 2.สภาวะหมอกควันและคุณภาพอากาศเกิดจากไฟป่า 3.พื้นที่การเกษตรมีจำกัด 4 .รายได้ต่อประชากรต่อหัวต่ำ 5. จำนวนผู้ที่จบจากการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมต่ำ 6.ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำสะอาดและสุขอนามัย 7.ปัญหาเรื่องการให้บริการสาธารณะและรายได้ 8 .ปัญหาความมั่นคงและผู้อพยพด้านชายแดนไทย-พม่า 9.การมีส่วนร่วมของประชากรชนได้แก่ สตรีและชนกลุ่มน้อย
ขณะที่นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวหลังนายยูชเว ยูเช รองผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เสนอโครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการ เพื่อคุณภาพชีวิตและการยึดเหนี่ยวด้านสังคมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีกลุ่มเอ็นจีโอและผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมประชุมโครงการฯ ดังกล่าวประมาณ 150 คน เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า
การที่สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เข้ามาพัฒนาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเรื่องที่ดีเพราะบางโครงการสามารถปรับเข้ามาอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ อย่างไรก็ตาม จังหวัดจะให้ UNDP ทบทวนปัญหาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในจำนวน 9 ข้อ ซึ่งบางหัวข้อปัญหาจังหวัดได้ดำเนินการ แก้ไขปํญหาอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องแหล่งน้ำสะอาด สุขอนามัย และสภาวะหมอกควัน คุณภาพอากาศที่เกิดจากไฟป่า ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้การที่ UNDP เข้ามาพัฒนาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะต้องไม่มีความเคลือบแคลงต่อรัฐบาลพม่า และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หนีภัยจากการสู้รบ ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่า ทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น
ด้านนายแพทย์สุวัฒน์ กิตติดิลกกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนระบุว่า กรณีที่ UNDPระบุบางหัวข้อมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ สสจ. เนื่องจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ป้องกันปัญหาสภาวะหมอกควันและคุณภาพอากาศที่เกิดจากไฟป่าอย่างต่อเนื่อง และปัญหาเรื่องแหล่งน้ำสะอาดและสุขอนามัย ที่UNDP หยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อเรื่องที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จะต้องให้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เข้ามาแก้ไขซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด
นายยูชเว ยูเช รองผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้นำเสนอผลการสำรวจข้อมูลในพื้นที่เพื่อนำเข้ามาสู่โครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการ เพื่อคุณภาพชีวิตและการยึดเหนี่ยวด้านสังคมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่ดัชนีการพัฒนามนุษย์ต่ำที่สุดในประเทศไทย ( ลำดับที่ 76 ) ประกอบด้วยจำนวนประชากร 253,000 คน มีเพียงร้อยละ 7.4 เท่านั้นที่อาศัยในชุมชนเมือง มีประชากรที่เป็นผู้ลี้ภัยจำนวนมากกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และประชากรจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 เป็นชาวเขา พูดภาษาท้องถิ่น
ปัญหาที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มี 9 ประการได้แก่ 1.การคมนาคมติดต่อสื่อสาร เนื่องจากข้อจำกัดของสภาพภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขา 2.สภาวะหมอกควันและคุณภาพอากาศเกิดจากไฟป่า 3.พื้นที่การเกษตรมีจำกัด 4 .รายได้ต่อประชากรต่อหัวต่ำ 5. จำนวนผู้ที่จบจากการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมต่ำ 6.ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำสะอาดและสุขอนามัย 7.ปัญหาเรื่องการให้บริการสาธารณะและรายได้ 8 .ปัญหาความมั่นคงและผู้อพยพด้านชายแดนไทย-พม่า 9.การมีส่วนร่วมของประชากรชนได้แก่ สตรีและชนกลุ่มน้อย
ขณะที่นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวหลังนายยูชเว ยูเช รองผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เสนอโครงการพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการ เพื่อคุณภาพชีวิตและการยึดเหนี่ยวด้านสังคมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีกลุ่มเอ็นจีโอและผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมประชุมโครงการฯ ดังกล่าวประมาณ 150 คน เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า
การที่สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เข้ามาพัฒนาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเรื่องที่ดีเพราะบางโครงการสามารถปรับเข้ามาอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ อย่างไรก็ตาม จังหวัดจะให้ UNDP ทบทวนปัญหาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในจำนวน 9 ข้อ ซึ่งบางหัวข้อปัญหาจังหวัดได้ดำเนินการ แก้ไขปํญหาอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องแหล่งน้ำสะอาด สุขอนามัย และสภาวะหมอกควัน คุณภาพอากาศที่เกิดจากไฟป่า ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้การที่ UNDP เข้ามาพัฒนาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะต้องไม่มีความเคลือบแคลงต่อรัฐบาลพม่า และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หนีภัยจากการสู้รบ ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่า ทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น
ด้านนายแพทย์สุวัฒน์ กิตติดิลกกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนระบุว่า กรณีที่ UNDPระบุบางหัวข้อมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ สสจ. เนื่องจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ป้องกันปัญหาสภาวะหมอกควันและคุณภาพอากาศที่เกิดจากไฟป่าอย่างต่อเนื่อง และปัญหาเรื่องแหล่งน้ำสะอาดและสุขอนามัย ที่UNDP หยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อเรื่องที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จะต้องให้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เข้ามาแก้ไขซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด
